top of page
Writer's pictureDr.Kasem THipayametrakul

การแบ่งประเภทของเครื่องเพอร์คัชชัน (𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻) ในปัจจุบัน


เครื่องเพอร์คัชชันมีบทบาทสำคัญในดนตรีหลากหลายประเภท ตั้งแต่วงดนตรีคลาสสิก วงดนตรีแจ๊ส ไปจนถึงดนตรีสมัยใหม่ การแบ่งประเภทของเครื่องเพอร์คัชชันในปัจจุบันถูกจัดหมวดหมู่ตามเกณฑ์ต่างๆ เพื่ออธิบายลักษณะการใช้งานและคุณสมบัติของเครื่องมือเหล่านี้



ในบทความนี้จะขยายความการแบ่งประเภทของเครื่องเพอร์คัชชันตามเกณฑ์สำคัญดังนี้:





การแบ่งประเภทเครื่องเพอร์คัชชันตามลักษณะเสียงเป็นวิธีที่นิยมและใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเครื่องเพอร์คัชชันสามารถแบ่งออกเป็น 𝟮 ประเภทใหญ่ ๆ คือ:



𝟭.𝟭 เครื่องเพอร์คัชชันแบบกำหนดระดับเสียงได้ (𝗣𝗶𝘁𝗰𝗵𝗲𝗱 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻)



เครื่องเพอร์คัชชันในกลุ่มนี้สามารถสร้างเสียงที่มีระดับความถี่ชัดเจน หรือมี "โน้ต" ที่ระบุได้ เช่นเดียวกับเปียโนหรือไวโอลิน ตัวอย่างเครื่องมือในกลุ่มนี้ ได้แก่:



  𝗧𝗶𝗺𝗽𝗮𝗻𝗶: กลองที่สามารถปรับระดับเสียงได้โดยการปรับความตึงของหนัง



  𝗠𝗮𝗿𝗶𝗺𝗯𝗮: เครื่องดนตรีที่ใช้แผ่นไม้และมีท่อลมขยายเสียง



  𝗫𝘆𝗹𝗼𝗽𝗵𝗼𝗻𝗲: คล้ายกับ 𝗠𝗮𝗿𝗶𝗺𝗯𝗮 แต่มีเสียงที่สั้นและชัดเจนกว่า



  𝗩𝗶𝗯𝗿𝗮𝗽𝗵𝗼𝗻𝗲: เครื่องที่มีแผ่นโลหะและมอเตอร์สำหรับสร้างเสียงสั่นสะเทือน



  𝗚𝗹𝗼𝗰𝗸𝗲𝗻𝘀𝗽𝗶𝗲𝗹: เครื่องที่ให้เสียงสูงและสดใสด้วยแผ่นโลหะขนาดเล็ก



  𝗖𝗲𝗹𝗲𝘀𝘁𝗮: มีลักษณะคล้ายเปียโน แต่ให้เสียงที่นุ่มและแวววาว



𝟭.𝟮 เครื่องเพอร์คัชชันแบบไม่กำหนดระดับเสียง (𝗨𝗻𝗽𝗶𝘁𝗰𝗵𝗲𝗱 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻)



เครื่องเพอร์คัชชันในกลุ่มนี้จะให้เสียงที่ไม่มีระดับโน้ตที่ชัดเจน แต่สร้างสีสันและจังหวะในดนตรี ตัวอย่างเช่น:



  𝗦𝗻𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗿𝘂𝗺: ให้เสียงที่คมชัดและใช้เป็นพื้นฐานของจังหวะ



  𝗕𝗮𝘀𝘀 𝗗𝗿𝘂𝗺: ให้เสียงต่ำลึกและหนักแน่น



  𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀: เช่น 𝗖𝗿𝗮𝘀𝗵 𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀 และ 𝗦𝘂𝘀𝗽𝗲𝗻𝗱𝗲𝗱 𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀 สำหรับเพิ่มความตื่นเต้น



  𝗧𝗮𝗺𝗯𝗼𝘂𝗿𝗶𝗻𝗲: ใช้เพิ่มจังหวะและสร้างเสียงที่สดใส



  𝗧𝗿𝗶𝗮𝗻𝗴𝗹𝗲: ให้เสียงแหลมใส เหมาะสำหรับเติมรายละเอียดในดนตรี





การแบ่งประเภทตามลักษณะการสร้างเสียงเน้นไปที่วิธีที่เครื่องเพอร์คัชชันผลิตเสียงออกมา ซึ่งลักษณะการเล่นและคุณสมบัติของเสียงแต่ละแบบมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้:



𝟮.𝟭 เครื่องเพอร์คัชชันที่ใช้การตี (𝗦𝘁𝗿𝘂𝗰𝗸 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻)



การสร้างเสียงเกิดจากการตีพื้นผิวของเครื่องดนตรีด้วยไม้ตี (𝗠𝗮𝗹𝗹𝗲𝘁𝘀) หรือมือของผู้เล่น:



ตัวอย่างเครื่องดนตรี:



  𝗦𝗻𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗿𝘂𝗺:



๐ สร้างเสียงที่แหลมและคมชัดจากสายสแนร์ที่ติดใต้หนังด้านล่าง



๐ มักใช้ในวงโยธวาทิตและวงออร์เคสตราเพื่อกำหนดจังหวะหลัก



๐ เทคนิคพิเศษ เช่น 𝗥𝗶𝗺𝘀𝗵𝗼𝘁 หรือ 𝗥𝗼𝗹𝗹 เพิ่มไดนามิกของเสียง



  𝗕𝗮𝘀𝘀 𝗗𝗿𝘂𝗺:



๐ สร้างเสียงต่ำและก้องกังวาน เพิ่มพลังให้กับวงดนตรี



๐ ใช้ในช่วงที่ต้องการเน้นจังหวะหนักหรือเปลี่ยนบรรยากาศ



  𝗧𝗶𝗺𝗽𝗮𝗻𝗶:



๐ สามารถปรับระดับเสียงได้ด้วย 𝗣𝗲𝗱𝗮𝗹 เพื่อเล่นทำนองร่วมกับวงดนตรี



๐ มักใช้ในช่วงไคลแมกซ์หรือการเปลี่ยนโทนอารมณ์ในเพลง



  𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀:



๐ เสียงเกิดจากการกระทบกันของแผ่นโลหะ หรือการตีด้วยไม้ตี



๐ ประเภทหลัก เช่น 𝗖𝗿𝗮𝘀𝗵 𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀 สำหรับเสียงกระแทกที่หนักแน่น และ 𝗦𝘂𝘀𝗽𝗲𝗻𝗱𝗲𝗱 𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀 สำหรับเสียงที่ยาวและนุ่มนวล



𝟮.𝟮 เครื่องเพอร์คัชชันที่ใช้การเขย่า (𝗦𝗵𝗮𝗸𝗲𝗻 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻)



เสียงเกิดจากการเคลื่อนไหวที่เขย่าหรือหมุนของส่วนประกอบ:



ตัวอย่างเครื่องดนตรี:



  𝗧𝗮𝗺𝗯𝗼𝘂𝗿𝗶𝗻𝗲:



๐ เสียงจิงเกิลที่สะท้อนเพิ่มความสดใสให้กับจังหวะ



๐ ใช้ในหลากหลายแนวดนตรี ตั้งแต่เพลงคลาสสิกถึงเพลงป๊อป



  𝗠𝗮𝗿𝗮𝗰𝗮𝘀:



๐ มักใช้ในดนตรีละติน เสียงเกิดจากเม็ดขนาดเล็กในลูกกลม



๐ สร้างจังหวะต่อเนื่องและช่วยเติมเต็มพื้นที่เสียง



  𝗖𝗮𝗯𝗮𝘀𝗮:



๐ มีโซ่โลหะที่พันรอบตัวเครื่อง ให้เสียงละเอียดและนุ่มนวล



๐ เหมาะสำหรับการเสริมสีสันในดนตรีแจ๊สและละติน



𝟮.𝟯 เครื่องเพอร์คัชชันที่ใช้การขูด (𝗦𝗰𝗿𝗮𝗽𝗲𝗱 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻)



เสียงเกิดจากการใช้วัตถุขูดผ่านพื้นผิวที่มีลักษณะพิเศษ:



ตัวอย่างเครื่องดนตรี:



  𝗚𝘂𝗶𝗿𝗼:



๐ เครื่องดนตรีจากละตินอเมริกา พื้นผิวมีร่องที่ใช้ขูดด้วยไม้



๐ เสริมความเฉพาะตัวให้กับจังหวะในดนตรีซัลซ่าและแมมโบ้



  𝗪𝗮𝘀𝗵𝗯𝗼𝗮𝗿𝗱:



๐ ใช้ในดนตรีแนวบลูส์หรือแจ๊สยุคเก่า



 ๐ เสียงเกิดจากการขูดด้วยวัตถุโลหะหรือมือ



𝟮.𝟰 เครื่องเพอร์คัชชันที่ใช้การดีดหรือเคาะ (𝗣𝗹𝘂𝗰𝗸𝗲𝗱/𝗦𝘁𝗿𝘂𝗰𝗸 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻)



เสียงเกิดจากการดีดแผ่นโลหะหรือส่วนประกอบด้วยนิ้วหรือวัตถุ:



ตัวอย่างเครื่องดนตรี:



  𝗞𝗮𝗹𝗶𝗺𝗯𝗮 (𝗠𝗯𝗶𝗿𝗮):



๐ มีต้นกำเนิดจากแอฟริกา ใช้ดีดแผ่นโลหะขนาดเล็กเพื่อสร้างเสียง



๐ เสียงนุ่มนวล มักใช้ในดนตรีพื้นเมืองหรือการบำบัด



  𝗦𝘁𝗲𝗲𝗹 𝗗𝗿𝘂𝗺:



๐ แหล่งกำเนิดจากทะเลแคริบเบียน ทำจากถังน้ำมันที่ถูกตอกเป็นหลุม



๐ ให้เสียงที่สดใสและเป็นเอกลักษณ์



𝟮.𝟱 เครื่องเพอร์คัชชันที่ใช้การเสียดสี (𝗙𝗿𝗶𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻)



เสียงเกิดจากการถูพื้นผิวของเครื่องดนตรีด้วยวัตถุ เช่น ไม้ โลหะ หรือวัสดุอื่นๆ:



ตัวอย่างเครื่องดนตรี:



  𝗟𝗶𝗼𝗻’𝘀 𝗥𝗼𝗮𝗿:



๐ กลองที่มีสายถูให้เกิดเสียงคล้ายคำรามของสิงโต



๐ ใช้สร้างบรรยากาศที่น่าตื่นเต้นในเพลง



  𝗚𝗹𝗮𝘀𝘀 𝗛𝗮𝗿𝗺𝗼𝗻𝗶𝗰𝗮:



๐ เสียงเกิดจากการถูขอบแก้วด้วยนิ้วที่เปียกน้ำ



๐ เสียงละเอียดอ่อนและลึกลับ มักใช้ในเพลงบรรยากาศ





การแบ่งเครื่องเพอร์คัชชันตามบทบาทในดนตรีช่วยให้นักดนตรีเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับหน้าที่และการแสดงในเพลงประเภทต่าง ๆ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 𝟯 กลุ่มใหญ่ ดังนี้:



𝟯.𝟭 เครื่องเพอร์คัชชันสำหรับจังหวะหลัก (𝗥𝗵𝘆𝘁𝗵𝗺𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻)



เครื่องเพอร์คัชชันกลุ่มนี้มีหน้าที่สร้างพื้นฐานจังหวะหรือ "โครงสร้าง" ของเพลง โดยเป็นเครื่องดนตรีที่มักจะได้ยินเด่นชัดในทุกแนวเพลง



  𝗦𝗻𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗿𝘂𝗺



๐ ใช้สร้างจังหวะที่คมชัดและกระชับ



๐ เสียงของสแนร์ดรัมเป็นหัวใจสำคัญในเพลงร็อค เพลงป๊อป และเพลงมาร์ช



๐ ตัวอย่างเช่น ในเพลงร็อค สแนร์มักถูกตีในจังหวะที่ 𝟮 และ 𝟰 ของแต่ละห้องจังหวะ (𝗕𝗮𝗰𝗸𝗯𝗲𝗮𝘁)



  𝗕𝗮𝘀𝘀 𝗗𝗿𝘂𝗺



๐ สร้างเสียงต่ำและหนักแน่น ใช้ในการเน้นจังหวะและเสริมแรงให้กับเพลง



๐ มักพบในวงดนตรีป๊อปและร็อค รวมถึงในวงออร์เคสตรา



๐ ในดนตรีสมัยใหม่ เช่น 𝗘𝗗𝗠 (𝗘𝗹𝗲𝗰𝘁𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰 𝗗𝗮𝗻𝗰𝗲 𝗠𝘂𝘀𝗶𝗰) เบสดรัมจะถูกใช้เพื่อสร้างจังหวะที่ต่อเนื่องและทรงพลัง



  𝗛𝗶-𝗛𝗮𝘁



๐ สร้างจังหวะและความเคลื่อนไหวในเพลง



๐ การเปิดและปิดไฮแฮททำให้เกิดเสียงที่แตกต่างกัน เช่น เสียง "ชิ้ง" ที่ชัดเจนเมื่อเปิด หรือเสียง "แปะ" เมื่อปิด



๐ ใช้ในหลากหลายแนวเพลง เช่น แจ๊ส ฟังก์ หรือฮิปฮอป



𝟯.𝟮 เครื่องเพอร์คัชชันสำหรับสีสัน (𝗖𝗼𝗹𝗼𝗿𝗶𝘀𝘁𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻)



เครื่องเพอร์คัชชันในกลุ่มนี้ทำหน้าที่เพิ่มความน่าสนใจและสีสันให้กับเพลง โดยไม่เน้นการสร้างจังหวะหลัก



  𝗧𝗿𝗶𝗮𝗻𝗴𝗹𝗲



๐ เสียงแหลมใสและกังวาน ใช้ในการเพิ่มรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเพลง



๐ เหมาะสำหรับดนตรีคลาสสิก เพลงประกอบละคร หรือดนตรีที่ต้องการสัมผัสความละเอียด



  𝗧𝗮𝗺𝗯𝗼𝘂𝗿𝗶𝗻𝗲



๐ สร้างเสียงที่สดใสและมีจังหวะ โดยมักใช้ร่วมกับการเขย่าหรือการตี



๐ เหมาะสำหรับดนตรีพื้นบ้าน ละติน หรือป๊อป เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน



  𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀



๐ มีหลายประเภท เช่น 𝗖𝗿𝗮𝘀𝗵 𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀, 𝗥𝗶𝗱𝗲 𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀 และ 𝗦𝘂𝘀𝗽𝗲𝗻𝗱𝗲𝗱 𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀



๐ ใช้เน้นเสียงจังหวะสำคัญ (𝗖𝗿𝗮𝘀𝗵) หรือสร้างความต่อเนื่อง (𝗥𝗶𝗱𝗲)



๐ เพิ่มความตื่นเต้นในช่วงไคลแม็กซ์ของเพลง หรือใช้เป็นเสียงปิดตอนท้าย



𝟯.𝟯 เครื่องเพอร์คัชชันสำหรับทำนอง (𝗠𝗲𝗹𝗼𝗱𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻)



เครื่องเพอร์คัชชันกลุ่มนี้สามารถสร้างเมโลดี้หรือเสริมฮาร์โมนีให้กับดนตรี โดยมีเสียงที่กำหนดระดับความถี่ได้ชัดเจน



  𝗠𝗮𝗿𝗶𝗺𝗯𝗮



๐ ให้เสียงที่อบอุ่นและลึกซึ้ง ใช้ในดนตรีคลาสสิก แจ๊ส หรือดนตรีพื้นเมือง



๐ ด้วยความหลากหลายของโทนเสียง 𝗠𝗮𝗿𝗶𝗺𝗯𝗮 จึงเหมาะสำหรับทั้งทำนองและแบ็กกราวด์



๐ เสียงของ 𝗠𝗮𝗿𝗶𝗺𝗯𝗮 มักถูกใช้ในเพลงที่ต้องการอารมณ์ลึกลับหรือผ่อนคลาย



  𝗩𝗶𝗯𝗿𝗮𝗽𝗵𝗼𝗻𝗲



๐ เสียงของ 𝗩𝗶𝗯𝗿𝗮𝗽𝗵𝗼𝗻𝗲 มีเอกลักษณ์ด้วยความนุ่มลึกและการสั่นแบบ 𝗩𝗶𝗯𝗿𝗮𝘁𝗼



๐ ใช้ในการเพิ่มมิติของเสียงในดนตรีแจ๊สและคลาสสิก



๐ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเพลงแจ๊สคือการใช้ 𝗩𝗶𝗯𝗿𝗮𝗽𝗵𝗼𝗻𝗲 เป็นเครื่องดนตรีหลักในวง



  𝗚𝗹𝗼𝗰𝗸𝗲𝗻𝘀𝗽𝗶𝗲𝗹



๐ ให้เสียงที่สูงและใสคล้ายระฆัง เหมาะสำหรับการเพิ่มประกายเสียงในทำนอง



๐ มักใช้ในดนตรีคลาสสิกหรือเพลงประกอบละคร เพื่อเพิ่มความสดใสหรือสร้างบรรยากาศแบบแฟนตาซี



๐ ตัวอย่างเช่น 𝗚𝗹𝗼𝗰𝗸𝗲𝗻𝘀𝗽𝗶𝗲𝗹 มักถูกใช้ในวงออร์เคสตราสำหรับการเน้นทำนองในช่วงที่สำคัญ





เครื่องเพอร์คัชชันจากทั่วโลกสะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตในภูมิภาคต่าง ๆ การศึกษาประเภทและลักษณะเฉพาะของเครื่องเพอร์คัชชันเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้เข้าใจดนตรีในเชิงลึก แต่ยังเปิดมุมมองเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และศิลปะของมนุษยชาติ



𝟰.𝟭 แอฟริกา



แอฟริกาเป็นแหล่งกำเนิดของเครื่องเพอร์คัชชันมากมาย โดยมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน พิธีกรรม และการแสดงดนตรีพื้นบ้าน



  𝗗𝗷𝗲𝗺𝗯𝗲



๐ กลองมือที่มีรูปร่างคล้ายถ้วย นิยมใช้ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก



๐ มีเสียงที่หลากหลายขึ้นอยู่กับตำแหน่งและแรงของการตี



๐ ใช้ในงานเฉลิมฉลอง การเต้นรำ และพิธีกรรมทางศาสนา



๐ ตัวอย่างเสียง: ตีบริเวณขอบให้เสียงแหลม ตีตรงกลางให้เสียงต่ำลึก



  𝗧𝗮𝗹𝗸𝗶𝗻𝗴 𝗗𝗿𝘂𝗺



๐ กลองที่สามารถปรับระดับเสียงได้โดยการบีบหรือคลายสายหนังที่พันรอบตัวกลอง



๐ นิยมใช้ในแอฟริกาตะวันตกเพื่อเลียนแบบเสียงพูดของมนุษย์



๐ ใช้ในพิธีกรรมและการเล่าเรื่อง โดยส่งข้อความหรือบอกเล่าข่าวสารผ่านเสียง



  𝗞𝗮𝗹𝗶𝗺𝗯𝗮



๐ หรือที่เรียกว่า "เปียโนมือ" เป็นเครื่องดนตรีชนิดดีดที่มีต้นกำเนิดจากแอฟริกาตอนใต้



๐ ให้เสียงที่นุ่มนวลและไพเราะ นิยมใช้ในการบรรเลงเพลงพื้นเมืองและบำบัดจิตใจ



𝟰.𝟮 ละตินอเมริกา



ดนตรีละตินอเมริกาเต็มไปด้วยจังหวะที่สนุกสนานและมีพลัง เครื่องเพอร์คัชชันจากภูมิภาคนี้สะท้อนถึงวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างชนพื้นเมือง แอฟริกัน และยุโรป



  𝗖𝗼𝗻𝗴𝗮𝘀 และ 𝗕𝗼𝗻𝗴𝗼𝘀



๐ 𝗖𝗼𝗻𝗴𝗮𝘀 เป็นกลองทรงสูงที่เล่นด้วยมือ ส่วน 𝗕𝗼𝗻𝗴𝗼𝘀 เป็นกลองคู่ขนาดเล็ก



๐ ใช้สร้างจังหวะที่ซับซ้อนในดนตรีซัลซ่า ลาตินแจ๊ส และดนตรีคิวบา



๐ การเล่นมักผสมผสานการตีเสียงต่ำและเสียงสูงเข้าด้วยกัน



  𝗠𝗮𝗿𝗮𝗰𝗮𝘀



๐ เครื่องเขย่าที่มีต้นกำเนิดจากชนพื้นเมืองในแถบแคริบเบียนและละตินอเมริกา



๐ ใช้สร้างเสียงประกอบที่สดใสและสนุกสนานในดนตรีป๊อป ลาติน หรือเพลงพื้นบ้าน



𝟰.𝟯 เอเชีย



เอเชียมีเครื่องเพอร์คัชชันที่หลากหลายซึ่งเชื่อมโยงกับพิธีกรรมทางศาสนาและการแสดงทางวัฒนธรรม



  𝗧𝗮𝗶𝗸𝗼



๐ กลองญี่ปุ่นขนาดใหญ่ที่ใช้ในงานเทศกาล ศาสนา และการแสดง



๐ เสียงของ 𝗧𝗮𝗶𝗸𝗼 ก้องกังวานและทรงพลัง ใช้สร้างบรรยากาศในดนตรีแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย



  𝗧𝗮𝗯𝗹𝗮



๐ กลองคู่ที่มีต้นกำเนิดจากอินเดีย ใช้ในการบรรเลงดนตรีคลาสสิกของอินเดีย



๐ สร้างเสียงที่ละเอียดอ่อนและหลากหลาย โดยใช้เทคนิคการตีที่ซับซ้อน



  𝗚𝗼𝗻𝗴



๐ เครื่องตีที่มีลักษณะเป็นจานโลหะ นิยมใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



๐ มีบทบาทในพิธีกรรม ศาสนา และดนตรีพื้นบ้าน เช่น กงในวงดนตรีกัมลัง (𝗚𝗮𝗺𝗲𝗹𝗮𝗻) ของอินโดนีเซีย



𝟰.𝟰 ยุโรป



ดนตรีคลาสสิกและวงโยธวาทิตของยุโรปมีการใช้เครื่องเพอร์คัชชันที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างความลึกซึ้งและสีสันของเสียง



  𝗧𝗶𝗺𝗽𝗮𝗻𝗶



๐ หรือ "กลองใหญ่" ในวงออร์เคสตรา มีความสามารถในการกำหนดระดับเสียงได้



๐ ใช้เน้นเสียงต่ำในดนตรีคลาสสิก และเป็นเครื่องมือสำคัญในวงซิมโฟนี



  𝗦𝗻𝗮𝗿𝗲 𝗗𝗿𝘂𝗺



๐ เครื่องดนตรีพื้นฐานในวงโยธวาทิตและดนตรีคลาสสิก



๐ มีเสียงคมชัดและกระชับ เหมาะสำหรับการสร้างจังหวะที่แข็งแรง



  𝗧𝗿𝗶𝗮𝗻𝗴𝗹𝗲



๐ เครื่องโลหะที่ให้เสียงแหลมใส ใช้เติมรายละเอียดเสียงในดนตรีคลาสสิก



๐ มักใช้ในช่วงที่ต้องการเสียงที่เบาและละเอียด เช่น เสียงระยิบระยับในเพลงซิมโฟนี





เครื่องเพอร์คัชชันในดนตรีสมัยใหม่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการประยุกต์ใช้งานที่กว้างขวาง เราสามารถแบ่งประเภทตามการใช้งานในบริบทดนตรีปัจจุบันได้ดังนี้:



𝟱.𝟭 𝗔𝗰𝗼𝘂𝘀𝘁𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻



𝗔𝗰𝗼𝘂𝘀𝘁𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 หมายถึงเครื่องเพอร์คัชชันแบบดั้งเดิมที่ไม่ใช้ไฟฟ้าหรือเทคโนโลยีดิจิทัล มีลักษณะเด่นคือเสียงธรรมชาติที่เกิดจากการตี ดีด หรือเขย่าตัวเครื่องดนตรี



ตัวอย่างเครื่องดนตรีในกลุ่มนี้:



  กลองชุด (𝗗𝗿𝘂𝗺 𝗦𝗲𝘁): ใช้ในดนตรีหลากหลายแนว เช่น ร็อค แจ๊ส และป๊อป เสียงที่ได้มาจากวัสดุที่ใช้ เช่น ไม้ หนัง และโลหะ



  𝗖𝗼𝗻𝗴𝗮𝘀 และ 𝗕𝗼𝗻𝗴𝗼𝘀: ใช้ในดนตรีละตินและเวิลด์มิวสิค



  เครื่องดนตรีโลหะ (𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀): เช่น 𝗥𝗶𝗱𝗲, 𝗖𝗿𝗮𝘀𝗵, 𝗛𝗶-𝗛𝗮𝘁 ที่สร้างเสียงที่เป็นเอกลักษณ์



  ข้อดีของ 𝗔𝗰𝗼𝘂𝘀𝘁𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻:



๐ ให้เสียงที่มีความลึกและรายละเอียดทางอารมณ์



๐ ตอบสนองการเล่นแบบไดนามิกได้ดี เช่น การเพิ่มหรือลดระดับเสียงอย่างละเอียด



  ข้อจำกัด:



๐ ยากต่อการปรับแต่งเสียงในระหว่างการแสดง



๐ อาจต้องใช้ไมโครโฟนเพื่อขยายเสียงในสถานที่ใหญ่



𝟱.𝟮 𝗘𝗹𝗲𝗰𝘁𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻



𝗘𝗹𝗲𝗰𝘁𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 คือเครื่องดนตรีเพอร์คัชชันที่ใช้เทคโนโลยีไฟฟ้าและดิจิทัลในการสร้างเสียง มีการตั้งค่าที่หลากหลายและใช้งานง่ายในดนตรีแนวสมัยใหม่



ตัวอย่างเครื่องดนตรีในกลุ่มนี้:



𝗗𝗿𝘂𝗺 𝗣𝗮𝗱: แผ่นกลองไฟฟ้าที่สามารถตั้งค่าเสียงได้ เช่น เสียงกลองจริง เสียงสังเคราะห์ หรือแม้กระทั่งเสียงเครื่องดนตรีอื่น ๆ



  𝗗𝗿𝘂𝗺 𝗠𝗮𝗰𝗵𝗶𝗻𝗲: เครื่องมือสร้างจังหวะอัตโนมัติ ใช้กันมากในดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เช่น 𝗘𝗗𝗠 หรือ 𝗛𝗶𝗽-𝗛𝗼𝗽



  ข้อดีของ 𝗘𝗹𝗲𝗰𝘁𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻:



๐ สามารถเปลี่ยนเสียงได้หลากหลายในเครื่องเดียว



๐ รองรับการใช้งานในสถานการณ์ที่ต้องการความเงียบ เช่น การซ้อมในบ้าน



๐ ปรับแต่งเสียงให้เข้ากับเพลงในแบบเรียลไทม์



  ข้อจำกัด:



๐ อาจขาดความรู้สึกแบบธรรมชาติในการเล่น



๐ ต้องพึ่งพาไฟฟ้าและอุปกรณ์เสริม เช่น แอมป์หรือมิกเซอร์



𝟱.𝟯 𝗛𝘆𝗯𝗿𝗶𝗱 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻



𝗛𝘆𝗯𝗿𝗶𝗱 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 เป็นการผสมผสานระหว่าง 𝗔𝗰𝗼𝘂𝘀𝘁𝗶𝗰 และ 𝗘𝗹𝗲𝗰𝘁𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการสร้างเสียงที่หลากหลาย



ตัวอย่างรูปแบบการใช้งาน:



กลองชุดที่ติด 𝗧𝗿𝗶𝗴𝗴𝗲𝗿: 𝗧𝗿𝗶𝗴𝗴𝗲𝗿 คือเซนเซอร์ที่ติดบนกลองชุดอะคูสติก เมื่อกลองถูกตี 𝗧𝗿𝗶𝗴𝗴𝗲𝗿 จะส่งสัญญาณไปยังโมดูลเสียง (𝗦𝗼𝘂𝗻𝗱 𝗠𝗼𝗱𝘂𝗹𝗲) เพื่อสร้างเสียงอิเล็กทรอนิกส์ควบคู่ไปกับเสียงกลองจริง



การรวม 𝗖𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹𝘀 แบบดั้งเดิมกับ 𝗘𝗹𝗲𝗰𝘁𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰 𝗣𝗮𝗱𝘀: ใช้เสียงธรรมชาติของแฉร่วมกับเสียงดิจิทัลเพื่อสร้างมิติที่ลึกซึ้ง



  ข้อดีของ 𝗛𝘆𝗯𝗿𝗶𝗱 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻:



๐ ให้เสียงที่มีมิติและทันสมัย โดยยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติของ 𝗔𝗰𝗼𝘂𝘀𝘁𝗶𝗰 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻



๐ รองรับการปรับแต่งเสียงในลักษณะดิจิทัล เช่น การเพิ่มเอฟเฟกต์หรือเปลี่ยนตัวอย่างเสียง (𝗦𝗮𝗺𝗽𝗹𝗲𝘀)



  ข้อจำกัด:



๐ ต้องใช้อุปกรณ์เสริมหลายชนิด เช่น โมดูลเสียงและสายเชื่อมต่อ



๐ อาจต้องใช้เวลาในการตั้งค่าระบบให้เหมาะสม




การแบ่งประเภทของเครื่องเพอร์คัชชันช่วยให้นักดนตรีและผู้สนใจดนตรีเข้าใจถึงความหลากหลายและความซับซ้อนของเครื่องดนตรีเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในดนตรีแบบดั้งเดิมหรือการประยุกต์ในดนตรีสมัยใหม่ เครื่องเพอร์คัชชันยังคงมีบทบาทสำคัญที่ไม่อาจละเลยในโลกดนตรี

0 views0 comments

Comments


bottom of page