พรสวรรค์กับพรแสวงอะไรสำคัญกว่ากัน❓
- Dr.Kasem THipayametrakul
- Mar 17
- 1 min read

ในโลกของการเรียนรู้และการพัฒนา เรามักได้ยินคำถามที่ว่า "พรสวรรค์กับพรแสวง อะไรสำคัญกว่ากัน?" ซึ่งเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบที่แน่ชัด และขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ อย่างไรก็ตาม คำถามนี้ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการถกเถียงและวิเคราะห์ถึงแนวคิดเกี่ยวกับความสำเร็จของมนุษย์ ว่ามันเกิดขึ้นจากปัจจัยใดเป็นหลัก
#พรสวรรค์ คือความสามารถที่มีมาแต่กำเนิด หรือศักยภาพที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติของแต่ละบุคคล คนที่มีพรสวรรค์มักจะมีความสามารถโดดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งได้อย่างง่ายดาย หรือสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้เร็วกว่าคนทั่วไป ตัวอย่างของพรสวรรค์อาจเห็นได้จากนักดนตรีที่สามารถเล่นเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่วตั้งแต่อายุยังน้อย หรือศิลปินที่มีความสามารถในการวาดภาพอย่างยอดเยี่ยมโดยแทบไม่ต้องฝึกฝนมากนัก แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ พรสวรรค์เพียงอย่างเดียวสามารถนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนได้หรือไม่?
ในทางกลับกัน #พรแสวง หมายถึงความพยายาม ความมุ่งมั่น และการฝึกฝนที่ต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่ง แม้ว่าบุคคลนั้นอาจไม่ได้มีพรสวรรค์โดยกำเนิดก็ตาม นักวิจัยหลายคนชี้ให้เห็นว่าความพยายามและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องสามารถพัฒนาให้บุคคลมีความสามารถทัดเทียมหรือเหนือกว่าผู้ที่มีพรสวรรค์ได้ ตัวอย่างเช่น นักดนตรีที่แม้จะไม่ได้มีพรสวรรค์พิเศษ แต่ด้วยการฝึกฝนทุกวันเป็นเวลาหลายปี ก็สามารถพัฒนาฝีมือจนกลายเป็นนักดนตรีมืออาชีพที่มีฝีมือสูงได้
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ตัวอย่างเช่น การศึกษาของ 𝗔𝗻𝗱𝗲𝗿𝘀 𝗘𝗿𝗶𝗰𝘀𝘀𝗼𝗻 นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านความเชี่ยวชาญ (𝗲𝘅𝗽𝗲𝗿𝘁 𝗽𝗲𝗿𝗳𝗼𝗿𝗺𝗮𝗻𝗰𝗲) ได้เสนอแนวคิดที่เรียกว่า "กฎ 𝟭𝟬,𝟬𝟬𝟬 ชั่วโมง" ซึ่งระบุว่าหากบุคคลใดต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่ง พวกเขาจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างมีเป้าหมายเป็นเวลารวม 𝟭𝟬,𝟬𝟬𝟬 ชั่วโมงขึ้นไป แม้ว่าจะมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความแม่นยำของตัวเลขนี้ แต่งานวิจัยก็ยังคงแสดงให้เห็นว่าความพยายามและการฝึกฝนเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนา
เมื่อเราพิจารณาแนวคิดนี้ในบริบทที่กว้างขึ้น จะเห็นว่าพรสวรรค์และพรแสวงต่างมีบทบาทของตนเอง และอาจทำงานร่วมกันในกระบวนการพัฒนาความสามารถของมนุษย์ ในบางกรณี พรสวรรค์อาจเป็นสิ่งที่ช่วยให้บุคคลเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น แต่พรแสวงคือสิ่งที่ทำให้บุคคลนั้นสามารถก้าวไปสู่จุดสูงสุดได้ มีตัวอย่างมากมายของผู้ที่มีพรสวรรค์แต่ขาดวินัยในการฝึกฝน ทำให้ไม่สามารถพัฒนาความสามารถของตนเองให้ถึงระดับสูงสุดได้ ในขณะเดียวกันก็มีตัวอย่างของผู้ที่เริ่มต้นจากศูนย์ แต่ด้วยความพยายามอย่างหนัก สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในสาขาของตนเองได้
อีกแง่มุมที่สำคัญคือ กระบวนการพัฒนาอาจไม่ได้เกิดขึ้นจากพรสวรรค์หรือพรแสวงเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นผลมาจากการผสมผสานกันระหว่างทั้งสองปัจจัย นักวิทยาศาสตร์ด้านจิตวิทยาได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้คนประสบความสำเร็จ และพบว่าการมีกรอบความคิดแบบเติบโต (𝗴𝗿𝗼𝘄𝘁𝗵 𝗺𝗶𝗻𝗱𝘀𝗲𝘁) หรือความเชื่อว่าความสามารถสามารถพัฒนาได้ผ่านการฝึกฝน มีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการพัฒนา ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีพรสวรรค์หรือไม่ก็ตาม
ตัวอย่างที่ชัดเจนของแนวคิดนี้สามารถพบได้ในบุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก เช่น ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเกตบอลที่เคยถูกตัดออกจากทีมบาสเกตบอลโรงเรียนมัธยมเพราะโค้ชมองว่าเขาไม่มีพรสวรรค์มากพอ แต่ด้วยการฝึกฝนอย่างหนักและความมุ่งมั่น เขากลายเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกตัวอย่างหนึ่งคือ โธมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์ชื่อดังที่ล้มเหลวหลายพันครั้งก่อนจะประดิษฐ์หลอดไฟสำเร็จ นี่เป็นหลักฐานว่าแม้บุคคลจะไม่มีพรสวรรค์โดยกำเนิด แต่หากมีพรแสวงที่เพียงพอ พวกเขาก็สามารถสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้
หากมองในแง่ของการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์แล้ว คำถามที่น่าสนใจอาจไม่ใช่ "พรสวรรค์กับพรแสวง อะไรสำคัญกว่ากัน?" แต่เป็น "#เราสามารถใช้สิ่งที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร" เพราะสุดท้ายแล้ว ความสำเร็จของแต่ละคนไม่ได้ถูกกำหนดโดยปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการที่เราสามารถใช้ทั้งพรสวรรค์และพรแสวงให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้หรือไม่
เมื่อพิจารณาถึงชีวิตของเราเอง เราเคยตั้งคำถามหรือไม่ว่า เรากำลังพึ่งพาพรสวรรค์ของเราเพียงอย่างเดียวหรือเปล่า? หรือว่าเรากำลังใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาตนเองในสิ่งที่เรารักและสนใจ? และหากวันนี้เรายังไม่ได้ใช้พรสวรรค์และพรแสวงอย่างเต็มที่ เราจะสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น?
Comments