top of page
Search

𝟱 สภาวะจิตใจที่เด็กใน 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗦𝗲𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻 ได้ฝึกโดยไม่มีใครสอน

  • Writer: Dr.Kasem THipayametrakul
    Dr.Kasem THipayametrakul
  • Jul 11
  • 2 min read
ree

 ใครว่าเขาแค่ "#ตีจังหวะ"



เมื่อพูดถึงวงโยธวาทิต หรือแม้แต่วงออร์เคสตรา สายตาของผู้ชมมักจับไปที่เสียงโซโล่ เครื่องเป่าหลัก หรือมือเมโลดี้ที่ยืนอยู่แถวหน้า



แต่มีกลุ่มหนึ่งที่เงียบกว่า ง่ายกว่า และแทบไม่ถูกรู้จัก เด็กใน 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗦𝗲𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻 กลุ่มที่ตีเพียงหนึ่งเสียงในสามนาที กลุ่มที่ยืนอยู่หลังสุด โดยไม่มีใครจำชื่อได้ แต่ในความเงียบและการรอคอยที่ไม่มีใครมองเห็นนั้น



เด็กกลุ่มนี้กลับได้ฝึกบางอย่าง…


ไม่ใช่เทคนิค ไม่ใช่สเกล ไม่ใช่ทฤษฎี


แต่คือสิ่งที่ลึกยิ่งกว่า— “สภาวะทางใจ” ที่คนอื่นไม่มีโอกาสสัมผัส



และนี่คือ 𝟱 สิ่งเงียบ ๆ ที่เด็กกลุ่มนี้ได้เรียนรู้


แม้ไม่มีครูคนไหนเขียนสอนไว้ แม้ไม่มีเสียงใดเอ่ยถึง…



𝟭. ความอดทนต่อความเงียบ…ที่ยาวนานกว่าใคร



ในวงโยธวาทิตหรือวงดนตรีประเภทใดก็ตาม เด็กในกลุ่มเพอร์คัชชันมักเป็นคนที่ “ดูเหมือนไม่ได้ทำอะไร” อยู่พักใหญ่ พวกเขาอาจต้องนับห้องเปล่าถึง 𝟯𝟮 ห้อง 𝟲𝟰 ห้อง หรือบางครั้งทั้งเพลงเพื่อรอจังหวะเดียวที่พวกเขาจะได้ “เปล่งเสียง” ออกมา หลายคนอาจคิดว่าแค่รอเวลาแล้วตีให้ตรงจังหวะ แต่ในความเป็นจริง นี่คือหนึ่งในการฝึกฝนจิตใจที่หนักที่สุด



ความเงียบนี้ไม่ใช่ความว่างเปล่า — แต่มันคือ “#ความเงียบที่มีวัตถุประสงค์” (𝗽𝘂𝗿𝗽𝗼𝘀𝗲𝗳𝘂𝗹 𝘀𝗶𝗹𝗲𝗻𝗰𝗲)



เด็กต้องจดจ่อกับจังหวะโดยไม่มีสิ่งใดให้ยึดเหนี่ยว ไม่มีเสียงของตัวเอง ไม่มีการเคลื่อนไหวมากมายให้รู้สึกว่า “ตัวเองมีบทบาท” พวกเขาต้องพึ่งพาความรู้สึกภายใน ความรู้สึกต่อการเคลื่อนไหวของวงดนตรี และจังหวะในใจของตัวเองล้วนๆ



และเมื่อถึงเวลาเสียงเดียวที่ต้องออกมา — มันต้อง “#เป๊ะ” อย่างไม่มีข้อแก้ตัว ไม่ว่าจะผ่านไปกี่นาทีหรือกี่สิบห้อง เด็กต้อง “พร้อมในทันที” โดยไม่มีโอกาสซ้อมซ้ำ ไม่มีโอกาสผิดพลาด



นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการเล่นโน้ตหนึ่งตัว แต่คือการ ฝึกวินัยที่ลึกยิ่ง (𝗶𝗻𝘁𝗲𝗿𝗻𝗮𝗹 𝗱𝗶𝘀𝗰𝗶𝗽𝗹𝗶𝗻𝗲) การควบคุมตัวเองให้อยู่ในจังหวะ อยู่กับปัจจุบัน แม้จะดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลย นี่คือรากฐานของ สมาธิระดับลึก (𝗱𝗲𝗲𝗽 𝗮𝘁𝘁𝗲𝗻𝘁𝗶𝗼𝗻) ที่ไม่สามารถสอนผ่านคำพูดหรือแบบฝึกหัดได้เลย



ในยุคที่ทุกอย่างเร่งรีบ เสียงแจ้งเตือนดังไม่หยุด เด็กยุคนี้แทบไม่มีโอกาสได้ฝึกนิ่ง ฝึกฟัง ฝึกอยู่กับสิ่งที่ไม่มีรางวัลทันที แต่เพอร์คัชชันในวงดนตรีกลับเป็นพื้นที่ที่เด็กคนหนึ่งจะได้ซึมซับบทเรียนนี้แบบไม่รู้ตัว



และเมื่อเด็กคนนั้นโตขึ้น เขาอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดจึงสามารถรอจังหวะชีวิตได้โดยไม่ลน ไม่เร่ง ไม่เสียสมดุล — แต่เรารู้ ว่าเขาได้เริ่มฝึกสิ่งนี้ตั้งแต่วันที่เขานับห้องเปล่าครบ 𝟯𝟮 ห้อง…แล้วตีเพียงโน้ตเดียวอย่างแม่นยำที่สุด



𝟮. การฟังอย่างไม่ตัดสิน



ในขณะที่นักดนตรีกลุ่มอื่นอาจมีช่วงเวลาของการเปล่งเสียง ถ่ายทอดอารมณ์ หรือขับเคลื่อนเมโลดี้ เด็กในกลุ่มเพอร์คัชชันกลับมีหน้าที่ที่เงียบกว่า — นั่นคือการ “#ฟัง



ไม่ใช่ฟังแบบผิวเผิน แต่เป็นการฟังที่ละเอียด ลึก และมีเจตนา — ฟังเพื่อเข้าใจจังหวะที่กำลังเกิดขึ้น ฟังเพื่อซึมซับพลังของวงทั้งวง ฟังเพื่อให้ตัวเองพร้อม “เชื่อมต่อ” โดยไม่ปล่อยให้อัตตาของตัวเองกลบเสียงของคนอื่น



การฟังแบบนี้คือการฝึกใจอย่างแท้จริง เพราะมันไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อแสดงออก แต่มุ่งไปที่การเปิดใจให้ “สิ่งอื่น” ได้แสดงตัวโดยไม่ถูกตัดสิน ไม่ถูกเร่ง ไม่ถูกคัดค้าน



ในระดับจิตใจ สิ่งที่พวกเขากำลังฝึกคือทักษะที่เรียบง่ายแต่หายากยิ่งในยุคนี้ — การฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่ฟังเพื่อโต้แย้ง



ต่างจากระบบการศึกษาทั่วไปที่มักปลูกฝังให้เด็ก “ตอบให้เร็ว คิดให้ไว แสดงความเห็นให้ชัด” — ในเพอร์คัชชัน เด็กกลับถูกฝึกให้สงบนิ่ง กลับมาอยู่กับการรับฟังโดยไม่รีบสรุป หรือแทรกเสียงของตน



และนั่นทำให้พวกเขาค่อยๆ เรียนรู้สิ่งลึกซึ้งบางอย่าง:



  ว่าไม่ใช่ทุกสถานการณ์ต้องรีบพูด


  ว่าเสียงของคนอื่นก็ควรมีพื้นที่ได้แสดงตัวเต็มที่


  ว่าการอดทนฟังโดยไม่ขัด คือการเคารพและเข้าใจในระดับที่ลึกยิ่ง



เด็กที่เติบโตมากับการฟังแบบนี้ ไม่เพียงจะเล่นดนตรีได้อย่างกลมกลืน แต่ยังสื่อสารกับคนรอบตัวด้วยความละเอียดอ่อน รู้จักจังหวะในการพูด จังหวะในการเงียบ และจังหวะในการเข้าใจผู้อื่นอย่างแท้จริง



บางที ทักษะที่สำคัญที่สุดในยุคที่ทุกคนพยายามจะ “พูดให้ดังที่สุด” อาจไม่ใช่การพูดเลยก็ได้ — แต่อาจเป็น การฟัง…อย่างไม่ตัดสิน



𝟯. ความมั่นคงในจังหวะ = ความมั่นคงในใจ



มือเพอร์คัชชันไม่ได้มีหน้าที่แค่ “#เล่นให้ตรงจังหวะ” แต่ต้อง รักษาจังหวะนั้นให้มั่นคง เสมือนเป็นกระดูกสันหลังของวง เพราะหากจังหวะสั่น เสียงของทุกคนก็จะเริ่มสั่นตาม



และนั่นหมายถึง…ใจของเขาต้อง “#นิ่งกว่าเสียง” ที่เขาสร้างออกมา



ไม่ว่าอยู่หน้าเวทีใหญ่แค่ไหน มีคนดูเท่าไหร่ หรือมือจะเย็นแค่ไหน — เขาต้องตีด้วยจังหวะเดิม แรงเท่าเดิม มั่นคงเท่าเดิม ไม่มีคำว่า “ตีผิดแล้วเริ่มใหม่” ไม่มีการขอเวลาปรับใจ ทุกอย่างเกิดขึ้นสดๆ และต้อง “เป๊ะ” ในครั้งเดียว



เด็กที่ผ่านการฝึกเช่นนี้จะเริ่มสังเกตเห็นสิ่งสำคัญว่า…



“จังหวะที่สั่น” มักไม่ใช่เพราะกล้ามเนื้อ — แต่เป็นเพราะ “ใจที่ยังไม่มั่นคงพอ”



ดังนั้นการฝึกซ้อมจึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่คือการฝึก “ภาวะภายใน” — การควบคุมความตื่นเต้น ความกลัว ความลังเล ให้เสียงที่ออกมานิ่ง เสมอ และเป็นที่พึ่งให้เพื่อนร่วมวงได้



นี่คือทักษะเดียวกับที่นักกีฬาใช้ตอนเข้าสนามแข่งขัน นักแสดงใช้ก่อนขึ้นเวที หรือนักพูดใช้ก่อนกล่าวคำสำคัญ — “การนิ่งในจังหวะกดดัน”



และยิ่งเด็กฝึกฝนสิ่งนี้ตั้งแต่เล็ก เขาจะเริ่ม “เชื่อมโยงเสียงภายนอกกับสภาวะภายใน” อย่างเป็นธรรมชาติ



  ถ้าใจไม่นิ่ง เสียงกลองจะสั่น


  ถ้าใจเร่ง เสียงจะเร่งตาม


  ถ้าใจมั่น เสียงจะมั่นคงอย่างลึกซึ้ง



เมื่อรู้เช่นนี้ เด็กก็จะเริ่มหันกลับมา “จัดระเบียบใจตัวเอง” ก่อนจะจัดระเบียบจังหวะกลอง และนี่คือรากฐานของ ภาวะจิตที่มั่นคงในขณะถูกกดดัน — ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะมี แต่เด็กเพอร์คัชชันกำลังฝึกมัน…ทีละจังหวะ ทีละเสียง…โดยไม่รู้ตัว



𝟰. การยอมรับบทบาทของตัวเองโดยไม่เปรียบเทียบ



ในโลกของวงดุริยางค์หรือวงโยฯ ไม่ใช่ทุกคนจะได้ยืนหน้า ไม่ใช่ทุกคนจะได้โซโล หรือแม้แต่มีช่วงเวลาที่คนฟังหันมามอง — โดยเฉพาะในกลุ่มเพอร์คัชชัน ที่บางครั้งต้องตีเพียง “เสียงเดียว” ตลอดทั้งเพลง



แต่นั่นแหละ…คือบทเรียนที่ลึกยิ่งกว่าเรื่อง “#เสียง



เพราะเมื่อเด็กได้อยู่ตรงจุดที่ไม่มีใครสังเกต เขาจะเริ่มเข้าใจว่า



#คุณค่า” ไม่ได้อยู่ที่ว่าใครมองเห็น — แต่อยู่ที่ว่าเขาทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่แค่ไหน



เสียงตีเพียงหนึ่งเสียงในช่วงที่ทุกอย่างเงียบ สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของเพลงทั้งเพลงได้ทันที



บางทีแค่เสียง 𝘁𝗿𝗶𝗮𝗻𝗴𝗹𝗲 แผ่วเบา ก็ทำให้เพลงอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด



บางทีเสียงกลองใบเดียว ก็ช่วยย้ำจังหวะให้วงทั้งวงกลับมาเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้ง



สิ่งนี้สอนให้เด็กรู้ว่า



“บทบาทเล็ก” ไม่เท่ากับ “ความสำคัญน้อย”


และ “อยู่เบื้องหลัง” ไม่ได้แปลว่าไม่มีคุณค่า



พวกเขาจะค่อยๆ เรียนรู้ว่า:



  การเล่นให้ “กลมกลืน” สำคัญพอๆ กับการเล่นให้ “โดดเด่น”


  การ “ยอมรับหน้าที่ของตัวเองโดยไม่เปรียบเทียบ” คือการให้เกียรติกับทีม


  และการดีใจที่เพลงสำเร็จ — แม้ไม่มีใครจำเสียงของเรา — ก็คือความสุขที่ลึกและนิ่งกว่า



เด็กที่โตมากับบทบาทในเพอร์คัชชันจะค่อยๆ พัฒนาคุณลักษณะที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน



ความสุขที่ไม่ต้องแข่งขัน


ความภาคภูมิใจที่ไม่ต้องอวด


และความเข้าใจว่า “คุณค่า” ไม่ได้อยู่ที่เสียงดัง…แต่อยู่ที่จังหวะที่ใช่



𝟱. ความสงบแบบไม่ต้องอธิบาย



ในวงดนตรี...ทุกสายตาอาจจับจ้องที่เสียงโซโล เครื่องเป่า หรือเมโลดี้แสนไพเราะ



แต่ไม่บ่อยนักที่จะมีใครหันมามองเด็กที่ถือเบสดรัม หรือจับสแนร์แถวหลัง



ผู้ซึ่งทำหน้าที่ “ประคองโครงสร้างของเสียงทั้งหมดไว้ไม่ให้ล้ม”



เด็กในกลุ่มเพอร์คัชชันจึงได้ฝึกบทเรียนที่เงียบ แต่เข้มข้น



ไม่ใช่ “สงบเพราะไม่มีอะไรท้าทาย”


แต่คือ “สงบทั้งที่รู้ว่า ไม่มีใครเห็นเราอยู่ตรงนี้”



เป็นความสงบที่ไม่ต้องประกาศ ไม่ต้องอธิบาย ไม่ต้องขวนขวายให้ใครเข้าใจ



เด็กเหล่านี้จะเริ่มเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า…



  เราไม่จำเป็นต้อง “ดัง” เพื่อจะมีความหมาย


  ไม่จำเป็นต้อง “อธิบายตัวเอง” ตลอดเวลา


  ไม่จำเป็นต้อง “มีคนชม” ถึงจะรู้ว่าเราทำดี



และเมื่อเข้าใจสิ่งเหล่านี้ เด็กจะค่อยๆ พัฒนา “ใจที่มั่นโดยไม่ต้องพึ่งคำยืนยันจากภายนอก” ซึ่งเป็นหนึ่งใน 𝘀𝗼𝗳𝘁 𝘀𝗸𝗶𝗹𝗹𝘀 ที่สำคัญที่สุดในโลกยุคใหม่ —ความสงบมั่นจากภายใน (𝗶𝗻𝗻𝗲𝗿 𝘀𝘁𝗮𝗯𝗶𝗹𝗶𝘁𝘆) ที่ไม่สั่นไหวตามความเปลี่ยนแปลงรอบตัว



เขาจะสามารถ…



  ทำสิ่งที่ควรทำโดยไม่ต้องมีเวที


  ประคองทีมโดยไม่ต้องอยู่หน้าเวที


  ภูมิใจในผลงาน โดยไม่ต้องมีเสียงตบมือ



และทั้งหมดนั้นเกิดจากการฝึกซ้อมในห้องเล็กๆ กับเสียงกลองที่ไม่มีใครจำ



แต่เขาจำได้ — ว่าเขาทำมันด้วยใจ



 บทสรุป



“เด็กที่อยู่ใน 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗦𝗲𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻 อาจไม่เคยเป็นตัวแทนของ ‘#ความโดดเด่น’ บนเวที


แต่กลับเป็นตัวแทนของ ‘ความนิ่ง’ — ที่ซ่อนอยู่ในโครงสร้างของการเรียนรู้ดนตรีร่วมกันอย่างแท้จริง”



เขาได้ฝึก



  ความอดทน…โดยไม่มีรางวัล


  การฟัง…โดยไม่มีสิทธิ์แสดงออกทันที


  การควบคุมตนเอง…ท่ามกลางเสียงคนอื่น


  การยอมรับตนเอง…โดยไม่เปรียบเทียบ


  และความสงบใจ…โดยไม่ต้องอธิบายให้ใครเข้าใจ



สิ่งเหล่านี้อาจไม่ถูกจดไว้ในใบประกาศ


ไม่เคยถูกพูดถึงในวันแสดง


แต่จะฝังลึกอยู่ในใจเขา —กลายเป็น “แกนในที่มั่นคง” ที่ไม่มีอะไรพรากไปได้ง่าย ๆ



ในวันที่โลกเต็มไปด้วยเสียงดัง วุ่นวาย และเร่งเร้า


เขาอาจเป็นคนหนึ่งที่ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องแข่งขัน


และยังยืนนิ่งได้อย่างมั่นคง — เพราะเขาเคยฝึกมาแล้วจากตำแหน่งที่ไม่มีใครมองเห็น



วันนี้...คุณเคยหันกลับไปมองหรือยังว่า เด็กใน 𝗣𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 𝗦𝗲𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻 โตขึ้นทาง “#จิตใจ” อย่างไรบ้าง?



เขาอาจไม่เคยอยู่กลางเวที แต่ในวันที่วงต้องการ “ใครสักคนที่มั่นคง” ที่สุด



เขาอาจคือคนนั้น — โดยไม่ต้องส่งเสียงดังเลยแม้แต่นิดเดียว

 
 
 

Comments


bottom of page