top of page
Writer's pictureDr.Kasem THipayametrakul

𝗕𝗣𝗠 : เครื่องมือสำคัญในการสร้างอารมณ์เพลง


𝗕𝗣𝗠 หรือ "𝗕𝗲𝗮𝘁𝘀 𝗣𝗲𝗿 𝗠𝗶𝗻𝘂𝘁𝗲" คือหน่วยวัดที่ใช้ในดนตรีเพื่อบ่งชี้ความเร็วของจังหวะในเพลง หรือกล่าวได้ว่า 𝗕𝗣𝗠 คือจำนวนครั้งที่จังหวะหลัก (𝗯𝗲𝗮𝘁) ในเพลงเกิดขึ้นในหนึ่งนาที การรู้จัก 𝗕𝗣𝗠 ของเพลงเป็นสิ่งสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับนักดนตรีในการแสดงสดหรือการผลิตเพลง แต่ยังเป็นตัวชี้วัดความรู้สึกและอารมณ์ของเพลงนั้น ๆ อีกด้วย



บทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงบทบาทของ 𝗕𝗣𝗠 ในดนตรี โดยเริ่มจากประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการวัดจังหวะในเพลง การพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยในการวัด 𝗕𝗣𝗠 รวมถึงการใช้ 𝗕𝗣𝗠 ในประเภทต่างๆ ของดนตรี ตั้งแต่ดนตรีคลาสสิกจนถึงดนตรีร่วมสมัย



𝟭. ประวัติความเป็นมาของ 𝗕𝗣𝗠



ในสมัยก่อนหน้านี้ ดนตรีไม่ได้มีการวัดความเร็วด้วยระบบ 𝗕𝗣𝗠 แต่จะใช้คำบ่งชี้ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และรูปแบบจังหวะ เช่น "𝗔𝗹𝗹𝗲𝗴𝗿𝗼" (เร็ว), "𝗔𝗱𝗮𝗴𝗶𝗼" (ช้า) หรือ "𝗠𝗼𝗱𝗲𝗿𝗮𝘁𝗼" (ปานกลาง) ในช่วงต้นศตวรรษที่ 𝟭𝟵 นักดนตรีและนักประพันธ์ดนตรีในยุคคลาสสิกจะใช้คำเหล่านี้ในการกำหนดความเร็วของเพลง





เครื่องมือในการวัดจังหวะอย่างเครื่อง “𝗺𝗲𝘁𝗿𝗼𝗻𝗼𝗺𝗲” ที่มีการประดิษฐ์ขึ้นโดย 𝗝𝗼𝗵𝗮𝗻𝗻 𝗠𝗮𝗲𝗹𝘇𝗲𝗹 ในปี 𝟭𝟴𝟭𝟱 ทำให้การวัดความเร็วของจังหวะเริ่มเป็นระบบมากขึ้น 𝗠𝗲𝘁𝗿𝗼𝗻𝗼𝗺𝗲 ใช้ระบบการทำงานที่สามารถกำหนด 𝗕𝗣𝗠 ได้ ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นดนตรีสามารถฝึกฝนได้ตามจังหวะที่กำหนด การพัฒนาเครื่องมือเหล่านี้ทำให้การวัดความเร็วในดนตรีเริ่มมีความแม่นยำและเป็นมาตรฐานมากขึ้น



𝟮. 𝗕𝗣𝗠 และการประยุกต์ใช้ในดนตรี





ในดนตรีคลาสสิก เช่นในผลงานของ 𝗕𝗲𝗲𝘁𝗵𝗼𝘃𝗲𝗻, 𝗠𝗼𝘇𝗮𝗿𝘁, และ 𝗖𝗵𝗼𝗽𝗶𝗻 ส่วนใหญ่จะใช้คำสั่งเกี่ยวกับจังหวะ เช่น “𝗔𝗹𝗹𝗲𝗴𝗿𝗼” หรือ “𝗔𝗻𝗱𝗮𝗻𝘁𝗲” ซึ่งบ่งชี้ถึงความเร็วของเพลง แต่ในยุคต่อมาหลังจากการประดิษฐ์ 𝗠𝗲𝘁𝗿𝗼𝗻𝗼𝗺𝗲 การใช้ 𝗕𝗣𝗠 ในเพลงคลาสสิกก็เริ่มแพร่หลายมากขึ้น



ในบางกรณี นักประพันธ์ได้กำหนด 𝗕𝗣𝗠 เพื่อให้การแสดงตรงกับเจตนารมณ์ของเพลง โดยตัวอย่างที่ชัดเจนคือใน 𝗦𝘆𝗺𝗽𝗵𝗼𝗻𝘆 𝗡𝗼. 𝟱 ของ 𝗕𝗲𝗲𝘁𝗵𝗼𝘃𝗲𝗻 ซึ่งการใช้ 𝗠𝗲𝘁𝗿𝗼𝗻𝗼𝗺𝗲 เพื่อกำหนด 𝗕𝗣𝗠 เป็นการบ่งชี้ถึงจังหวะที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละส่วนของซิมโฟนี





ในดนตรีร่วมสมัย 𝗕𝗣𝗠 ถูกนำมาใช้เป็นตัวแปรหลักในการกำหนดลักษณะของเพลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในดนตรีป๊อป, แจ๊ส, ฮิปฮอป, และอิเล็กทรอนิก 𝗕𝗣𝗠 ทำให้สามารถแบ่งแยกประเภทเพลงได้ง่าย เช่น เพลงแดนซ์ที่มี 𝗕𝗣𝗠 สูงจะสร้างความตื่นเต้นและพลังงานให้กับผู้ฟัง ขณะที่เพลงบัลลาดที่มี 𝗕𝗣𝗠 ต่ำจะสร้างอารมณ์ที่นุ่มนวลและสงบ



ในเพลง 𝗘𝗗𝗠 (𝗘𝗹𝗲𝗰𝘁𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰 𝗗𝗮𝗻𝗰𝗲 𝗠𝘂𝘀𝗶𝗰) การควบคุม 𝗕𝗣𝗠 เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยกำหนดจังหวะของเพลงให้เหมาะสมกับการเต้นรำ โดย 𝗗𝗝 มักจะปรับ 𝗕𝗣𝗠 ของเพลงเพื่อให้เข้ากับจังหวะในชุดเพลงที่กำลังเล่นอยู่ การปรับเปลี่ยน 𝗕𝗣𝗠 นี้ยังช่วยให้สามารถทำการ "𝗿𝗲𝗺𝗶𝘅" เพลงและเปลี่ยนรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ



𝟯. การวัด 𝗕𝗣𝗠 และการคำนวณ



การวัด 𝗕𝗣𝗠 สามารถทำได้โดยการนับจำนวนจังหวะ (𝗯𝗲𝗮𝘁𝘀) ที่เกิดขึ้นในหนึ่งนาที โดยปกติแล้วในการใช้ 𝗺𝗲𝘁𝗿𝗼𝗻𝗼𝗺𝗲 หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน จะมีการตั้งค่าเพื่อกำหนด 𝗕𝗣𝗠 ที่ต้องการ





หากไม่มีเครื่องมือช่วยในการวัด สามารถนับจำนวนจังหวะ (𝗯𝗲𝗮𝘁𝘀) ที่เกิดขึ้นในหนึ่งนาทีโดยการตั้งนาฬิกาจับเวลาเป็น 𝟲𝟬 วินาทีและนับจังหวะตามระยะเวลานั้น วิธีนี้แม่นยำในบางกรณี แต่จะยากในเพลงที่มีจังหวะเร็วมาก



𝟰. ความสำคัญของ 𝗕𝗣𝗠 ในการสร้างอารมณ์เพลง



𝗕𝗣𝗠 มีความสัมพันธ์โดยตรงกับอารมณ์และความรู้สึกที่เพลงนั้นต้องการถ่ายทอด



   เพลงที่มี 𝗕𝗣𝗠 ต่ำ (𝟲𝟬–𝟴𝟬 𝗕𝗣𝗠): มักจะสร้างอารมณ์ที่สงบและนุ่มนวล เช่นในเพลงบัลลาดหรือเพลงแจ๊สช้า



   เพลงที่มี 𝗕𝗣𝗠 กลาง (𝟵𝟬–𝟭𝟭𝟬 𝗕𝗣𝗠): มักจะสร้างอารมณ์ที่สนุกสนานแต่ไม่เร็วเกินไป เช่นในดนตรีป๊อป



   เพลงที่มี 𝗕𝗣𝗠 สูง (𝟭𝟮𝟬–𝟭𝟱𝟬 𝗕𝗣𝗠): สร้างความตื่นเต้นและพลังงาน เช่นในเพลงแดนซ์, เฮฟวีเมทัล, หรือเพลงอิเล็กทรอนิกา



เพลงที่มี 𝗕𝗣𝗠 สูงมาก (𝟮𝟬𝟬+ 𝗕𝗣𝗠): เพลงประเภทนี้มักจะใช้ในแนวเพลงอย่างพังก์ร็อก หรือดนตรีสมัยใหม่ที่ต้องการความเร็วและพลังที่สูง



𝟱. การปรับ 𝗕𝗣𝗠 และการเปลี่ยนแปลงในเพลง



บางครั้งการเปลี่ยนแปลงของ 𝗕𝗣𝗠 ในระหว่างเพลง (𝗧𝗲𝗺𝗽𝗼 𝗖𝗵𝗮𝗻𝗴𝗲𝘀) ถูกใช้เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นหรือการเปลี่ยนอารมณ์เพลง เช่นการเร่ง 𝗕𝗣𝗠 ในช่วงคลายของเพลง หรือการลด 𝗕𝗣𝗠 ลงในช่วงที่ต้องการให้เพลงดูสงบลง นอกจากนี้ยังมีเทคนิค 𝗠𝗲𝘁𝗿𝗶𝗰 𝗠𝗼𝗱𝘂𝗹𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 ที่ใช้การเปลี่ยนแปลงการนับจังหวะเพื่อทำให้เพลงดูแปลกใหม่



ตัวอย่าง เช่น ในเพลง "𝗔 𝗗𝗮𝘆 𝗶𝗻 𝘁𝗵𝗲 𝗟𝗶𝗳𝗲" ของ 𝗧𝗵𝗲 𝗕𝗲𝗮𝘁𝗹𝗲𝘀 ที่มีการเปลี่ยนแปลง 𝗕𝗣𝗠 อย่างชัดเจนในสองส่วนของเพลง การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เพลงมีความหลากหลายและแปลกใหม่ โดยใช้การปรับเปลี่ยนจังหวะเพื่อเพิ่มความแตกต่างในเนื้อเพลง



𝗕𝗣𝗠 เป็นเครื่องมือที่สำคัญในดนตรีที่ช่วยกำหนดความเร็วและอารมณ์ของเพลง การเข้าใจ 𝗕𝗣𝗠 และวิธีการใช้มันอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทั้งนักดนตรีและโปรดิวเซอร์ในกระบวนการสร้างสรรค์และการแสดงดนตรี การพัฒนาเครื่องมือในการวัด 𝗕𝗣𝗠 เช่น 𝗠𝗲𝘁𝗿𝗼𝗻𝗼𝗺𝗲 และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ทำให้การควบคุมจังหวะและอารมณ์เพลงเป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น



  อ้างอิง



𝟭. 𝗥𝗮𝗻𝗱𝗲𝗹, 𝗗. 𝗠. (𝟮𝟬𝟬𝟯). 𝗧𝗵𝗲 𝗛𝗮𝗿𝘃𝗮𝗿𝗱 𝗗𝗶𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻𝗮𝗿𝘆 𝗼𝗳 𝗠𝘂𝘀𝗶𝗰. 𝗛𝗮𝗿𝘃𝗮𝗿𝗱 𝗨𝗻𝗶𝘃𝗲𝗿𝘀𝗶𝘁𝘆 𝗣𝗿𝗲𝘀𝘀.


        𝟮. 𝗚𝗼𝗹𝗱, 𝗠. (𝟭𝟵𝟵𝟲). 𝗧𝗵𝗲 𝗠𝘂𝘀𝗶𝗰𝗶𝗮𝗻'𝘀 𝗚𝘂𝗶𝗱𝗲 𝘁𝗼 𝗧𝗶𝗺𝗶𝗻𝗴 𝗮𝗻𝗱 𝗥𝗵𝘆𝘁𝗵𝗺. 𝗠𝘂𝘀𝗶𝗰 𝗣𝗿𝗲𝘀𝘀.


𝟯. 𝗦𝘄𝗲𝗲𝘁, 𝗔. (𝟮𝟬𝟭𝟳). 𝗧𝗵𝗲 𝗕𝗮𝘀𝗶𝗰𝘀 𝗼𝗳 𝗕𝗣𝗠: 𝗛𝗼𝘄 𝗕𝗲𝗮𝘁𝘀 𝗣𝗲𝗿 𝗠𝗶𝗻𝘂𝘁𝗲 𝗦𝗵𝗮𝗽𝗲 𝗠𝘂𝘀𝗶𝗰. 𝗠𝘂𝘀𝗶𝗰 𝗣𝗿𝗼𝗱𝘂𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗝𝗼𝘂𝗿𝗻𝗮𝗹.

1 view0 comments

Comentários


bottom of page