top of page

พฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวดข้อมือขณะตีกลอง (และวิธีแก้ไข❗) 🥁 ✋

Writer: Dr.Kasem THipayametrakulDr.Kasem THipayametrakul


อาการปวดข้อมือเป็นปัญหาที่พบบ่อยในหมู่มือกลองทั้งระดับสมัครเล่นและมืออาชีพ เนื่องจากการใช้งานข้อมืออย่างต่อเนื่องและการใช้เทคนิคที่ไม่เหมาะสม หากไม่ได้รับการแก้ไข อาจนำไปสู่ภาวะบาดเจ็บเรื้อรัง เช่น



  𝗧𝗲𝗻𝗱𝗼𝗻𝗶𝘁𝗶𝘀 (เอ็นอักเสบ) – เกิดจากการใช้งานซ้ำ ๆ ทำให้เอ็นอักเสบและบวม



  𝗖𝗮𝗿𝗽𝗮𝗹 𝗧𝘂𝗻𝗻𝗲𝗹 𝗦𝘆𝗻𝗱𝗿𝗼𝗺𝗲 – ภาวะที่เส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ ทำให้เกิดอาการชาหรือปวด



  𝗥𝗦𝗜 (𝗥𝗲𝗽𝗲𝘁𝗶𝘁𝗶𝘃𝗲 𝗦𝘁𝗿𝗮𝗶𝗻 𝗜𝗻𝗷𝘂𝗿𝘆) – อาการบาดเจ็บจากการใช้งานกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นซ้ำ ๆ



อาการเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการเล่นกลอง และอาจทำให้ต้องหยุดเล่นเป็นเวลานาน





𝟭.𝟭 #การจับไม้กลองแน่นเกินไป (𝗘𝘅𝗰𝗲𝘀𝘀𝗶𝘃𝗲 𝗚𝗿𝗶𝗽 𝗧𝗲𝗻𝘀𝗶𝗼𝗻)



ทำไมถึงเป็นปัญหา



การจับไม้กลองแน่นเกินไปเป็นปัญหาที่พบบ่อย โดยเฉพาะในมือใหม่ที่ต้องการควบคุมไม้กลองให้มั่นคง แต่ในความเป็นจริง การกำแน่นเกินไปทำให้กล้ามเนื้อตึงตัวตลอดเวลา ส่งผลให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นทำงานหนักโดยไม่จำเป็น



  ผลกระทบ:



๐ เพิ่มแรงกดที่ข้อต่อและเส้นเอ็น ทำให้เกิดอาการปวดและอักเสบ



๐ ลดความยืดหยุ่นของข้อมือ ทำให้เล่นได้ไม่เป็นธรรมชาติ



๐ เพิ่มความเมื่อยล้า ส่งผลต่อการควบคุมจังหวะและไดนามิก



  วิธีแก้ไข:



 ใช้ 𝗥𝗲𝗹𝗮𝘅𝗲𝗱 𝗚𝗿𝗶𝗽 หรือการจับแบบผ่อนคลาย โดยให้แรงจับหลักมาจากนิ้วโป้งและนิ้วชี้ หรือนิ้วกลาง ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้



 ทดสอบแรงจับโดยให้สามารถขยับไม้กลองไปมาในมือได้เล็กน้อยโดยไม่หลุด



𝟭.𝟮 #มุมข้อมือที่ไม่เหมาะสม (𝗣𝗼𝗼𝗿 𝗪𝗿𝗶𝘀𝘁 𝗔𝗻𝗴𝗹𝗲)



ทำไมถึงเป็นปัญหา



มุมข้อมือที่ไม่ถูกต้อง เช่น



๐ ข้อมืองอขึ้นมากเกินไป (𝗪𝗿𝗶𝘀𝘁 𝗘𝘅𝘁𝗲𝗻𝘀𝗶𝗼𝗻)



๐ ข้อมือกดลงต่ำมากเกินไป (𝗪𝗿𝗶𝘀𝘁 𝗙𝗹𝗲𝘅𝗶𝗼𝗻)



๐ ตีโดยใช้ข้อมืออย่างเดียวโดยไม่เคลื่อนแขน



ตำแหน่งเหล่านี้ทำให้เกิดแรงกดทับที่ข้อมือและเส้นเอ็น เมื่อใช้งานซ้ำ ๆ อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บสะสม



  ผลกระทบ:



๐ เพิ่มแรงเครียดที่ข้อมือและเส้นประสาทบริเวณฝ่ามือ



๐ ลดความสามารถในการเคลื่อนที่อย่างอิสระ



๐ เสี่ยงต่ออาการ 𝗖𝘂𝗯𝗶𝘁𝗮𝗹 𝗧𝘂𝗻𝗻𝗲𝗹 𝗦𝘆𝗻𝗱𝗿𝗼𝗺𝗲 ซึ่งเกิดจากเส้นประสาทที่ข้อศอกถูกกดทับ



  วิธีแก้ไข:



 ปรับมุมข้อมือให้ใกล้เคียงกับ ตำแหน่งเป็นกลาง (𝗡𝗲𝘂𝘁𝗿𝗮𝗹 𝗣𝗼𝘀𝗶𝘁𝗶𝗼𝗻) คือให้ข้อมืออยู่ในแนวเดียวกับแขน



 ใช้เทคนิค 𝗙𝗿𝗲𝗻𝗰𝗵 𝗚𝗿𝗶𝗽 หรือ 𝗚𝗲𝗿𝗺𝗮𝗻 𝗚𝗿𝗶𝗽 ซึ่งช่วยให้ข้อมือเคลื่อนที่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ



𝟭.𝟯. #การใช้แรงจากข้อมือมากเกินไป (𝗢𝘃𝗲𝗿𝘂𝘀𝗶𝗻𝗴 𝗪𝗿𝗶𝘀𝘁 𝗜𝗻𝘀𝘁𝗲𝗮𝗱 𝗼𝗳 𝗔𝗿𝗺 & 𝗙𝗶𝗻𝗴𝗲𝗿𝘀)



ทำไมถึงเป็นปัญหา



หลายคนเข้าใจผิดว่าการตีที่ดีต้องใช้ข้อมืออย่างเดียว แต่แท้จริงแล้วควรใช้แขนและนิ้วร่วมกัน หากพึ่งข้อมือมากเกินไป กล้ามเนื้อบริเวณนี้จะทำงานหนักและเกิดอาการปวดได้ง่าย



  ผลกระทบ:



๐ เพิ่มแรงกระแทกที่ข้อมือ ทำให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น



๐ ลดประสิทธิภาพในการตีเร็ว (𝗦𝗽𝗲𝗲𝗱) และควบคุมไดนามิก



   วิธีแก้ไข:



 ฝึกใช้ 𝗙𝗶𝗻𝗴𝗲𝗿𝘀 𝗖𝗼𝗻𝘁𝗿𝗼𝗹 และ 𝗔𝗿𝗺 𝗠𝗼𝘁𝗶𝗼𝗻 ร่วมกับข้อมือ



 ใช้แรงเหวี่ยงจากแขนและแรงกระเด้งของไม้กลองแทนการออกแรงจากข้อมือล้วน ๆ



𝟭.𝟰 #การใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม (𝗜𝗻𝗰𝗼𝗿𝗿𝗲𝗰𝘁 𝗘𝗾𝘂𝗶𝗽𝗺𝗲𝗻𝘁 𝗦𝗲𝘁𝘂𝗽)



ทำไมถึงเป็นปัญหา



๐ ความสูงของสแนร์ หรือฉาบที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ข้อมืออยู่ในตำแหน่งที่ตึงเครียด



๐ ไม้กลองที่หนักหรือใหญ่เกินไปทำให้ข้อมือต้องออกแรงมากกว่าปกติ



  วิธีแก้ไข:



 ปรับตำแหน่งกลองและฉาบให้ข้อมือสามารถขยับได้อย่างเป็นธรรมชาติ



 เลือกไม้กลองที่มีขนาดเหมาะสมกับแรงจับและสไตล์การเล่นของตัวเอง





𝟮.𝟭 #การวอร์มอัพและคูลดาวน์ (𝗪𝗮𝗿𝗺-𝗨𝗽 & 𝗖𝗼𝗼𝗹-𝗗𝗼𝘄𝗻)



  ก่อนเล่น: ฝึก 𝗗𝘆𝗻𝗮𝗺𝗶𝗰 𝗦𝘁𝗿𝗲𝘁𝗰𝗵𝗶𝗻𝗴 เช่น หมุนข้อมือเป็นวงกลม บีบกำมือสลับคลาย



  หลังเล่น: ฝึก 𝗦𝘁𝗮𝘁𝗶𝗰 𝗦𝘁𝗿𝗲𝘁𝗰𝗵𝗶𝗻𝗴 เช่น ดึงนิ้วและข้อมือค้างไว้ 𝟭𝟱-𝟯𝟬 วินาที





  𝗪𝗿𝗶𝘀𝘁 𝗖𝘂𝗿𝗹 (ยกดัมเบลขึ้น-ลง) ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ใช้ในการตีกลอง



  𝗙𝗶𝗻𝗴𝗲𝗿 𝗘𝘅𝘁𝗲𝗻𝘀𝗶𝗼𝗻 & 𝗚𝗿𝗶𝗽 𝗦𝘁𝗿𝗲𝗻𝗴𝘁𝗵𝗲𝗻𝗲𝗿 ฝึกความแข็งแรงของนิ้วและฝ่ามือ





  ศึกษาและฝึกใช้ 𝗙𝗿𝗲𝗲 𝗦𝘁𝗿𝗼𝗸𝗲 & 𝗠𝗼𝗲𝗹𝗹𝗲𝗿 𝗧𝗲𝗰𝗵𝗻𝗶𝗾𝘂𝗲 เพื่อลดแรงต้านขณะเล่น



  ฝึกควบคุมแรงตีให้สม่ำเสมอ และใช้แรงจากแขนและนิ้วแทนข้อมืออย่างเดียว



อาการปวดข้อมือของมือกลองเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การจับไม้กลองแน่นเกินไป มุมข้อมือที่ผิดธรรมชาติ การใช้ข้อมือมากเกินไป และอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม วิธีแก้ไขที่ได้ผลต้องอาศัย การฝึกเทคนิคที่ถูกต้อง, การปรับตำแหน่งอุปกรณ์, การบริหารกล้ามเนื้อข้อมือ และการยืดกล้ามเนื้ออย่างสม่ำเสมอ



หากมือกลองให้ความสำคัญกับการปรับพฤติกรรมเหล่านี้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ และเพิ่มความสามารถในการเล่นกลองได้อย่างยาวนานและมีประสิทธิภาพครับ  


 
 
 

Comentarios


bottom of page