เมื่อพูดถึงการเลือกกลองที่ดี หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคือ ไม้ที่ใช้ในการผลิตกลอง ซึ่งจะส่งผลต่อเสียง โทน และความทนทานของกลองโดยตรง ไม้แต่ละชนิดมีเอกลักษณ์และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
มาดูกันว่า มีไม้ชนิดไหนบ้างที่ได้รับความนิยมในการทำกลอง และแต่ละชนิดมีข้อดีอย่างไร
𝟭. ไม้เมเปิ้ล (𝗠𝗮𝗽𝗹𝗲)
โทนเสียง: ใส นุ่มนวล และสมดุล
ความแข็งแรง: ทนทานสูง
ไม้เมเปิ้ลเป็นที่นิยมมากที่สุดในการทำกลอง ด้วยเสียงที่ใสและสมดุล มักถูกเลือกใช้ในกลองระดับมืออาชีพและในการบันทึกเสียง เนื่องจากช่วยขับเสียงกลางและให้โทนที่อบอุ่นและนุ่มนวล
𝟮. ไม้เบิร์ช (𝗕𝗶𝗿𝗰𝗵)
โทนเสียง: สว่างและชัดเจน
ความแข็งแรง: ทนทานปานกลาง
ไม้เบิร์ชให้เสียงที่ชัดเจนและกระจายได้ดี มักถูกเลือกใช้ในกลองที่ต้องการเน้นเสียงกลางถึงแหลม เหมาะสำหรับการแสดงสด เพราะเสียงทะลุผ่านเครื่องดนตรีอื่นได้ดี
𝟯. ไม้มะฮอกกานี (𝗠𝗮𝗵𝗼𝗴𝗮𝗻𝘆)
โทนเสียง: อบอุ่น หนา
ความแข็งแรง: แข็งแรงพอประมาณ
ไม้มะฮอกกานีให้เสียงที่มีความลึกและหนา โดยเฉพาะเสียงต่ำจะชัดเจนและอบอุ่น จึงเป็นที่นิยมในกลองแบบวินเทจหรือกลองที่ต้องการความหนาของเสียงเบส
𝟰. ไม้โอ๊ค (𝗢𝗮𝗸)
โทนเสียง: หนา หนัก
ความแข็งแรง: แข็งแรงมาก
ไม้โอ๊คเป็นตัวเลือกสำหรับนักดนตรีที่ต้องการเสียงที่ทรงพลังและกลองที่ทนทาน ความแข็งของไม้โอ๊คช่วยสร้างเสียงที่หนักแน่นและตอบสนองต่อการตีได้ดี
𝟱. ไม้ป็อปลาร์ (𝗣𝗼𝗽𝗹𝗮𝗿)
โทนเสียง: นุ่มนวล เบา
ความแข็งแรง: แข็งแรงปานกลาง
ไม้ป็อปลาร์มักถูกใช้ในกลองระดับเริ่มต้นเพราะมีราคาถูกกว่าไม้ชนิดอื่น แต่ก็ยังให้เสียงที่ดีและนุ่มนวล เหมาะกับผู้ที่เริ่มเล่นกลองหรือผู้ที่ต้องการกลองที่เสียงไม่แข็งเกินไป
𝗥𝗼𝗰𝗸 และ 𝗠𝗲𝘁𝗮𝗹: ไม้โอ๊ค (𝗢𝗮𝗸) และ ไม้เบิร์ช (𝗕𝗶𝗿𝗰𝗵) เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับแนวเพลงเหล่านี้ เนื่องจากสามารถให้เสียงที่ทรงพลังและดังสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน
𝗝𝗮𝘇𝘇 และ 𝗕𝗹𝘂𝗲𝘀: สำหรับเสียงที่อบอุ่นและนุ่มนวล ไม้เมเปิ้ล (𝗠𝗮𝗽𝗹𝗲) และ ไม้มะฮอกกานี (𝗠𝗮𝗵𝗼𝗴𝗮𝗻𝘆) จะตอบโจทย์ได้ดี เพราะให้โทนเสียงที่นุ่มและหลากหลาย
𝗣𝗼𝗽 และ 𝗙𝘂𝗻𝗸: ไม้เบิร์ช (𝗕𝗶𝗿𝗰𝗵) เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเสียงที่กระจ่างชัดเจนสามารถเจาะผ่านดนตรีอื่นๆได้อย่างง่ายดาย เหมาะกับจังหวะที่กระชับและตบจังหวะเด่นชัด
Comentarios