กว่าจะเป็นนักดนตรีที่เก่ง เส้นทางที่ไม่มีทางลัดและไม่มีคำว่า ‘ง่าย’
- Dr.Kasem THipayametrakul
- Apr 6
- 1 min read

“การเป็นนักดนตรีที่เก่ง” มักถูกพูดถึงในแง่ของพรสวรรค์ ความสามารถ หรือแรงบันดาลใจ แต่เมื่อมองลึกลงไปในโครงสร้างของการฝึกฝนจริงๆ คำถามสำคัญคือ
ความเก่งเกิดจากอะไรแน่?
เรากำลังประเมินความสามารถของตัวเองจากหลักฐานใด?
และการเรียนดนตรีในแต่ละวันของเราสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวหรือไม่?
บทความนี้นำเสนอประเด็นเพื่อการคิดทบทวน ไม่ใช่คำตอบ และอาจช่วยให้คุณนิยาม “#เส้นทางดนตรี” ของตัวเองใหม่ได้
𝟭. ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ “ความเก่ง” ทางดนตรี
การเป็นนักดนตรีที่ “เก่ง” มักถูกเข้าใจในหลายมุม เช่น ความสามารถในการเล่นได้อย่างคล่องแคล่ว การมีหูที่ดี การอ่านโน้ตได้ไว การด้นสดได้อย่างเป็นธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งการมีเอกลักษณ์ทางเสียงที่ชัดเจน
๐ เกณฑ์ใดที่ใช้ตัดสินว่า “เก่ง”?
๐ ใครเป็นผู้กำหนดนิยามนั้น—ครูดนตรี ผู้ฟัง สังคม หรือตัวนักดนตรีเอง?
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าความเก่งทางดนตรีไม่ใช่สิ่งที่มีคำตอบแน่ชัด และเปลี่ยนแปลงได้ตามมุมมอง บริบท และวัตถุประสงค์ของแต่ละคน
𝟮. ไม่มีทางลัด: เวลาและความสม่ำเสมอคือหัวใจของกระบวนการเรียนรู้
จากงานวิจัยทางจิตวิทยาและการศึกษา เช่น แนวคิดเรื่อง “𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲” ของ 𝗔𝗻𝗱𝗲𝗿𝘀 𝗘𝗿𝗶𝗰𝘀𝘀𝗼𝗻 พบว่า ทักษะชั้นสูงในสาขาต่างๆ รวมถึงดนตรี ไม่ได้เกิดจากความสามารถโดยกำเนิดเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการฝึกฝนอย่างมีเป้าหมายและต่อเนื่อง
การฝึกฝนแบบตั้งใจ (𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲) แตกต่างจากการฝึกทั่วไปในประเด็นสำคัญ เช่น:
มีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
มีการวัดผลหรือประเมินตนเอง
มีการแก้ไขและพัฒนาจุดอ่อนอย่างเฉพาะเจาะจง
มีการสะท้อนผลลัพธ์หลังการฝึก
๐ การฝึกดนตรีของคุณในแต่ละวันมี “จุดประสงค์” หรือ “เป้าหมาย” ที่ชัดเจนหรือไม่?
๐ คุณเคยประเมินการฝึกฝนของตัวเองอย่างละเอียดหรือไม่ว่าอะไรที่ได้ผลหรือไม่ได้ผล?
𝟯. ความไม่ต่อเนื่องและการเลิกเล่น: สาเหตุที่พบได้ทั่วไปในเส้นทางนักดนตรี
จากประสบการณ์ของผู้เรียนดนตรีจำนวนมาก การหยุดเรียน หยุดฝึก หรือแม้แต่เลิกเล่นไปเลย มักเกิดจากสาเหตุที่คล้ายกัน เช่น:
ความรู้สึกว่า “ไม่เก่งเสียที”
การเปรียบเทียบกับผู้อื่น
ความเบื่อ ความรู้สึกว่าไม่ก้าวหน้า
การขาดแรงสนับสนุนจากสิ่งแวดล้อม
แม้หลายปัจจัยดูเหมือนจะมาจากภายนอก #แต่อีกคำถามที่สำคัญคือ:
๐ เคยลองวิเคราะห์หรือไม่ว่า แรงต้านที่ทำให้หยุดเล่นมาจาก “มีอะไรภายในตัวเรา” มากกว่าปัจจัยภายนอก?
การหยุดพัฒนาอาจไม่ได้เกิดจากความสามารถ แต่เกิดจากความคาดหวังที่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติของการเรียนรู้ในระยะยาว
𝟰. การยอมรับความ “#ไม่ง่าย” เป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคง
เส้นทางการเป็นนักดนตรีเต็มไปด้วยช่วงที่รู้สึก “ไม่เห็นพัฒนา” หรือ “ย้อนกลับไปแย่กว่าเดิม” ซึ่งเป็นเรื่องปกติในวงจรของการเรียนรู้ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ นักดนตรีที่ประสบความสำเร็จมักมีลักษณะร่วมกันดังนี้:
ยอมรับว่าการพัฒนาทางดนตรีต้องใช้เวลา
ไม่เร่งผลลัพธ์จนเกินไป
ใช้ความรู้สึก "#ติดขัด" เป็นจุดสะท้อน ไม่ใช่จุดสิ้นสุด
๐ คุณคาดหวังให้ตัวเองเก่งเร็วแค่ไหน?
๐ การที่ยังเล่นไม่คล่องในวันนี้ ทำให้คุณรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง?
𝟱. พลังของ “#วินัย” แทนที่ “#แรงบันดาลใจ”
หลายคนเริ่มต้นเล่นดนตรีจากความรักหรือแรงบันดาลใจจากบุคคลที่ชื่นชอบ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกตื่นเต้นในช่วงแรกอาจจางหาย และนั่นคือจุดที่ “วินัย” เริ่มมีบทบาทมากขึ้น
วินัยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความเข้มงวดหรือบังคับตัวเองให้เล่นดนตรีตลอดเวลา แต่คือการมี “โครงสร้าง” ในการฝึกฝนที่ชัดเจน เช่น:
ตารางเวลาที่แน่นอน
เป้าหมายย่อยรายสัปดาห์
การติดตามผลการฝึกด้วยการบันทึกเสียงหรือวิดีโอ
๐ คุณใช้วิธีใดในการควบคุมการฝึกฝนของตัวเอง?
๐ มีระบบอะไรที่ช่วยให้คุณไม่หลุดออกจากเส้นทาง?
𝟲. การประเมินตัวเองอย่างตรงไปตรงมา
การรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองอย่างแม่นยำคือเครื่องมือสำคัญในการพัฒนา แต่การประเมินตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีอารมณ์และความคาดหวังเข้ามาเกี่ยวข้อง
๐ คุณเคยขอความเห็นจากครูหรือเพื่อนร่วมวงเกี่ยวกับสิ่งที่ควรพัฒนาไหม?
๐ คุณกล้าฟังเสียงตัวเองย้อนหลังแล้ววิเคราะห์ข้อบกพร่องหรือไม่?
𝟳. เมื่อ “ความไม่แน่นอน” กลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง
นักดนตรีทุกคนต่างเผชิญกับช่วงเวลาที่รู้สึกสับสน ไม่แน่ใจว่ากำลังพัฒนาไปทางที่ถูกหรือไม่ หรือบางครั้งก็รู้สึกว่าเสียงของตัวเองไม่เป็นที่ยอมรับ
แต่การอยู่กับความไม่แน่นอนเหล่านั้นอย่างสงบ และยังคงลงมือฝึกฝนต่อไป คือทักษะที่สำคัญไม่แพ้การเล่นเครื่องดนตรี
๐ คุณมีวิธีการจัดการกับความไม่มั่นใจในตัวเองอย่างไร?
๐ คุณเคยลองถามตัวเองว่า “ทำไมถึงยังเล่นดนตรีอยู่?” บ้างหรือไม่?
#สรุป: ไม่มีทางลัด ไม่มีคำว่าง่าย มีแต่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เส้นทางของนักดนตรีไม่ได้เรียบง่าย ไม่ได้ราบรื่น และไม่มีสูตรสำเร็จ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากนักดนตรีระดับสูงทุกคนคือ: พวกเขา ไม่หยุดเดิน ไม่ใช่เพราะมันง่าย แต่เพราะมัน “มีความหมาย”
หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ยังอยู่ในเส้นทางนี้ คำถามสุดท้ายที่อาจสะท้อนกลับมาได้คือ:
วันนี้คุณยังเลือกที่จะฝึกฝนต่อไป แม้มันจะยากอยู่หรือไม่
Comments