ดนตรีคือภาษาสากลจริงหรือไม่❓
- Dr.Kasem THipayametrakul
- Mar 21
- 2 min read

ดนตรีเป็นองค์ประกอบสำคัญของทุกวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดนตรีถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงออกถึงอารมณ์ ความรู้สึก และเรื่องราวของผู้คน โดยไม่มีข้อจำกัดทางด้านภาษา เชื่อมโยงมนุษย์จากเชื้อชาติและภูมิหลังที่แตกต่างกัน นี่เป็นเหตุผลที่หลายคนเชื่อว่า "#ดนตรีคือภาษาสากล"
อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ บางคนมองว่าดนตรีสามารถสื่อสารอารมณ์ได้โดยตรงโดยไม่ต้องพึ่งพาภาษาพูด ขณะที่บางคนให้เหตุผลว่าดนตรีไม่สามารถถ่ายทอดข้อมูลที่ซับซ้อนได้เหมือนภาษาที่เป็นระบบ
บทความนี้จะสำรวจหลักฐานทางวัฒนธรรม จิตวิทยา และวิทยาศาสตร์ เพื่อทำความเข้าใจว่าดนตรีสามารถเป็นภาษาสากลได้จริงหรือไม่ และในแง่มุมใดบ้าง
𝟭️. คุณสมบัติของภาษากับดนตรี ภาษาโดยทั่วไปมีลักษณะเฉพาะหลายประการ เช่น ไวยากรณ์ โครงสร้าง ระบบเสียง และความสามารถในการสร้างความหมายแบบซับซ้อน คำถามที่น่าสนใจคือ ดนตรีมีคุณสมบัติเหล่านี้หรือไม่?
๐ ดนตรีมีโครงสร้าง เช่นเดียวกับไวยากรณ์ของภาษา เช่น คอร์ด สเกล และฟอร์มดนตรีที่กำหนดการลำดับของเสียงและจังหวะ
๐ อย่างไรก็ตาม ดนตรีไม่ได้มีไวยากรณ์ที่แน่นอนแบบภาษาพูดที่สามารถสร้างประโยคที่มีความหมายเฉพาะเจาะจงได้
๐ ดนตรีมีโน้ตและคอร์ดที่สามารถสร้างความรู้สึก เช่น ความสุข ความเศร้า หรือความตื่นเต้น แต่ไม่ได้ให้ความหมายที่ชัดเจนในเชิงคำศัพท์หรือประโยค
๐ ภาษาใช้เพื่อสื่อสารข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง เช่น คำสั่งหรือคำบรรยาย
๐ ดนตรีสามารถกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก แต่ไม่สามารถใช้เพื่อสื่อสารข้อมูลเชิงตรรกะโดยตรงได้ เช่น ไม่สามารถใช้ดนตรีเพื่ออธิบายกฎคณิตศาสตร์หรือบอกทิศทางไปยังสถานที่ได้
ดนตรีสามารถสื่อความหมายได้ผ่านองค์ประกอบสำคัญ เช่น จังหวะ (𝗿𝗵𝘆𝘁𝗵𝗺) เมโลดี้ (𝗺𝗲𝗹𝗼𝗱𝘆) โครงสร้างเสียง (𝗵𝗮𝗿𝗺𝗼𝗻𝘆) และไดนามิกส์ (𝗱𝘆𝗻𝗮𝗺𝗶𝗰𝘀) โดยองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ดนตรีสามารถสร้างอารมณ์และความรู้สึกที่หลากหลายได้อย่างทรงพลัง เสียงดนตรีสามารถทำให้ผู้ฟังรู้สึกมีความสุข เศร้า หรือแม้แต่หวาดกลัว โดยไม่จำเป็นต้องมีคำพูดเข้ามาเกี่ยวข้อง
นักดนตรีมักใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อส่งผ่านอารมณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนแปลงของจังหวะที่สามารถเพิ่มความตื่นเต้นหรือผ่อนคลาย โทนเสียงที่ละเอียดอ่อนสามารถสื่อถึงความอ่อนโยน หรือแม้แต่การใช้เสียงที่ไม่เป็นระเบียบเพื่อสร้างความรู้สึกกดดันและตึงเครียด สิ่งเหล่านี้ทำให้ดนตรีกลายเป็นสื่อที่สามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด ทำให้มันเป็นหนึ่งในรูปแบบการสื่อสารที่ทรงพลังที่สุด
๐ จังหวะและอารมณ์: จังหวะที่เร็วและหนักแน่นอาจสร้างความตื่นเต้นหรือกระตุ้นพลังงาน เช่น เพลงแนวร็อกและอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่จังหวะช้าและนุ่มนวล เช่น เพลงบลูส์หรือแจ๊ส สามารถทำให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลายหรือเศร้า
๐ เมโลดี้และอารมณ์: เมโลดี้ที่มีช่วงเสียงกว้างและลื่นไหลมักให้ความรู้สึกโรแมนติกหรืออ่อนหวาน เช่น ในเพลงคลาสสิกของโมสาร์ท ในขณะที่เมโลดี้ที่มีโน้ตสั้นและคมชัดอาจให้ความรู้สึกเร่งเร้าหรือกดดัน
๐ ฮาร์โมนีและความหมาย: การใช้คอร์ดที่กลมกลืนกันสามารถสร้างความรู้สึกสงบ ในขณะที่การใช้คอร์ดที่ขัดแย้งกันสามารถสร้างความตึงเครียดและกระตุ้นความรู้สึกต่าง ๆ ได้
𝟯. #ดนตรีในวัฒนธรรมต่าง ๆ
แม้ว่าดนตรีในแต่ละวัฒนธรรมจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่โครงสร้างพื้นฐานของดนตรี เช่น จังหวะ เมโลดี้ และฮาร์โมนี มักมีความคล้ายคลึงกันทั่วโลก ซึ่งทำให้ดนตรีสามารถเป็นสื่อกลางที่ช่วยให้ผู้คนจากภูมิหลังที่แตกต่างกันเข้าใจและเชื่อมโยงกันได้ ตัวอย่างเช่น:
๐ ดนตรีพื้นบ้านแอฟริกัน ใช้จังหวะที่ซับซ้อนและเครื่องดนตรีเคาะเพื่อสร้างพลังงานและความเป็นกลุ่ม ดนตรีประเภทนี้มักถูกใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาและการเฉลิมฉลอง
๐ ดนตรีอินเดีย มีระบบเสียงแบบรากา (𝗥𝗮𝗴𝗮) ซึ่งแต่ละรากาจะถูกใช้ในช่วงเวลาที่ต่างกันของวันและมีจุดมุ่งหมายเฉพาะ เช่น เพื่อสร้างความสงบ หรือกระตุ้นพลังงาน
๐ ดนตรีคลาสสิกตะวันตก มีโครงสร้างที่ซับซ้อนและมักแสดงออกถึงเรื่องราวหรืออารมณ์เฉพาะผ่านการพัฒนาเมโลดี้และไดนามิกส์
ดนตรีเหล่านี้สะท้อนถึงค่านิยมทางวัฒนธรรมและสามารถสื่อสารอารมณ์ได้ แม้ว่าผู้ฟังจะไม่คุ้นเคยกับภาษาดนตรีของแต่ละวัฒนธรรม
นักวิทยาศาสตร์ด้านประสาทวิทยาได้ศึกษาผลกระทบของดนตรีต่อสมองและพบว่าดนตรีสามารถกระตุ้นบริเวณต่าง ๆ ของสมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความทรงจำ และการสื่อสาร ดนตรีไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นความรู้สึกในระดับลึก แต่ยังมีผลต่อกระบวนการทางปัญญาและสังคม ตัวอย่างเช่น:
๐ การศึกษาโดย 𝗗𝗮𝗻𝗶𝗲𝗹 𝗟𝗲𝘃𝗶𝘁𝗶𝗻 พบว่าดนตรีสามารถกระตุ้นสมองในส่วนของระบบลิมบิก (𝗹𝗶𝗺𝗯𝗶𝗰 𝘀𝘆𝘀𝘁𝗲𝗺) ซึ่งเกี่ยวข้องกับอารมณ์ ทำให้ผู้ฟังสามารถรู้สึกเชื่อมโยงกับเสียงเพลงได้อย่างลึกซึ้ง
๐ นักวิจัยที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่าทารกที่ยังไม่ได้เรียนรู้ภาษาใด ๆ สามารถตอบสนองต่อจังหวะดนตรีได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าดนตรีอาจมีพื้นฐานทางชีววิทยาที่ทำให้มนุษย์ทุกคนสามารถเข้าใจได้
๐ การศึกษาเกี่ยวกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ พบว่าดนตรีสามารถกระตุ้นความทรงจำและอารมณ์ของผู้ป่วยได้ แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียความสามารถในการจดจำข้อมูลพื้นฐานอื่น ๆ
** 𝗟𝗲𝘃𝗶𝘁𝗶𝗻, 𝗗. (𝟮𝟬𝟬𝟲). 𝗧𝗵𝗶𝘀 𝗶𝘀 𝘆𝗼𝘂𝗿 𝗯𝗿𝗮𝗶𝗻 𝗼𝗻 𝗺𝘂𝘀𝗶𝗰: 𝗧𝗵𝗲 𝘀𝗰𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 𝗼𝗳 𝗮 𝗵𝘂𝗺𝗮𝗻 𝗼𝗯𝘀𝗲𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻. 𝗗𝘂𝘁𝘁𝗼𝗻.
** 𝗖𝘂𝗱𝗱𝘆, 𝗟. 𝗟., & 𝗗𝘂𝗳𝗳𝗶𝗻, 𝗝. (𝟮𝟬𝟬𝟱). 𝗠𝘂𝘀𝗶𝗰, 𝗺𝗲𝗺𝗼𝗿𝘆, 𝗮𝗻𝗱 𝗔𝗹𝘇𝗵𝗲𝗶𝗺𝗲𝗿'𝘀 𝗱𝗶𝘀𝗲𝗮𝘀𝗲: 𝗙𝗿𝗼𝗺 𝗰𝗼𝗴𝗻𝗶𝘁𝗶𝗼𝗻 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲𝗿𝗮𝗽𝘆. 𝗠𝘂𝘀𝗶𝗰𝗮𝗲 𝗦𝗰𝗶𝗲𝗻𝘁𝗶𝗮𝗲, 𝟵(𝟮), 𝟮𝟭𝟱-𝟮𝟮𝟴.
ดนตรีมีพลังในการสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงผู้คนจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ไม่ว่าภาษาและขนบธรรมเนียมจะหลากหลายเพียงใด เสียงดนตรีสามารถเป็นสะพานที่เชื่อมใจมนุษย์เข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น:
๐ เพลงสากลที่ได้รับความนิยมทั่วโลก เช่น เพลงของ 𝗧𝗵𝗲 𝗕𝗲𝗮𝘁𝗹𝗲𝘀 หรือ 𝗕𝗧𝗦 ซึ่งได้รับความนิยมในหลายประเทศ แม้ว่าผู้ฟังจะไม่เข้าใจภาษาของเพลงก็ตาม
๐ เทศกาลดนตรีนานาชาติ เช่น 𝗧𝗼𝗺𝗼𝗿𝗿𝗼𝘄𝗹𝗮𝗻𝗱, 𝗖𝗼𝗮𝗰𝗵𝗲𝗹𝗹𝗮 และ 𝗚𝗹𝗮𝘀𝘁𝗼𝗻𝗯𝘂𝗿𝘆 ที่ดึงดูดผู้คนจากหลากหลายประเทศ และทำให้พวกเขามีประสบการณ์ร่วมกันผ่านดนตรี
๐ โครงการดนตรีเพื่อสันติภาพ เช่น 𝗪𝗲𝘀𝘁-𝗘𝗮𝘀𝘁𝗲𝗿𝗻 𝗗𝗶𝘃𝗮𝗻 𝗢𝗿𝗰𝗵𝗲𝘀𝘁𝗿𝗮 ซึ่งนำเยาวชนจากอิสราเอลและปาเลสไตน์มาร่วมเล่นดนตรีด้วยกัน เป็นตัวอย่างของการใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความปรองดอง
แม้ว่าดนตรีจะสามารถสื่อสารอารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่บางคนโต้แย้งว่าดนตรีไม่สามารถถือเป็น "#ภาษา" ได้อย่างแท้จริง เนื่องจาก:
๐ ดนตรีไม่มีไวยากรณ์หรือโครงสร้างประโยคเหมือนภาษาพูด
๐ ความหมายของดนตรีอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริบททางวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น เพลงที่ให้ความรู้สึกสุขใจในวัฒนธรรมหนึ่งอาจให้ความรู้สึกแตกต่างในอีกวัฒนธรรมหนึ่ง
๐ บางครั้งดนตรีไม่สามารถสื่อสารความหมายที่ชัดเจน เช่น การบรรยายเหตุการณ์หรือการสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนได้
𝟭. ถ้าดนตรีเป็นภาษาสากลจริง ทำไมบางคนถึงเข้าใจหรือรู้สึกถึงอารมณ์ของดนตรีบางประเภทมากกว่าคนอื่น? ปัจจัยทางวัฒนธรรมมีบทบาทหรือไม่?
𝟮. หากดนตรีเป็นภาษาหนึ่ง ทำไมเราจึงไม่สามารถใช้ดนตรีเพื่ออธิบายแนวคิดทางวิทยาศาสตร์หรือปรัชญาโดยตรงได้?
𝟯. มีรูปแบบของดนตรีใดบ้างที่สามารถเข้าใจได้โดยทุกวัฒนธรรมจริง ๆ โดยไม่มีพื้นฐานหรือบริบทมาก่อน?
𝟰. ดนตรีสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารในลักษณะอื่นที่ไม่ใช่เพียงแค่สร้างอารมณ์ได้หรือไม่? เช่น การสื่อสารในภาษามือของคนหูหนวก หรือการใช้ดนตรีในการบำบัด
แม้ว่าดนตรีจะสามารถสื่อสารอารมณ์และแนวคิดบางอย่างได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด แต่ในเชิงโครงสร้างและหน้าที่ มันอาจไม่ใช่ "#ภาษา" ในความหมายที่แท้จริงเหมือนภาษาพูด อย่างไรก็ตาม ดนตรีเป็นเครื่องมือสำคัญที่มนุษย์ใช้เพื่อเชื่อมต่อกันข้ามพรมแดนของวัฒนธรรมและภาษา ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางความรู้สึกและอารมณ์ที่ไม่มีข้อจำกัดของภาษาพูด
สุดท้ายแล้ว ดนตรีเป็นภาษาสากลจริงหรือไม่? คำตอบอาจขึ้นอยู่กับนิยามของ "#ภาษา" และบริบทที่เรากำลังพิจารณา แล้วคุณคิดว่าดนตรีเป็นภาษาสากลหรือไม่? เพราะอะไร?
Comments