top of page
Search

🎧 เสียงที่ได้ยินบนเวที กับเสียงที่คนดูได้ยิน ต่างกันยังไง❓



เมื่อเสียงกลองชุดถูกตีขึ้นในสถานการณ์การแสดงสด เสียงที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพียงการสั่นสะเทือนของหนังกลองและโลหะ 𝗰𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹 เท่านั้น แต่เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนของการส่งผ่าน คลี่คลาย และแปรสภาพของเสียงจากเวทีไปสู่หูของผู้ชม กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย ทั้งเชิงกายภาพ เทคโนโลยี และบริบทของผู้ฟัง ซึ่งล้วนส่งผลต่อวิธีที่เสียงถูกรับรู้



เสียงเดียวกันอาจมี “ความหมาย” ที่แตกต่างกัน เมื่อได้ยินในตำแหน่งที่แตกต่างกัน มือกลองซึ่งเป็นผู้สร้างเสียงควรมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า เสียงที่ตนได้ยินบนเวที ไม่ใช่เสียงเดียวกับที่ผู้ชมได้รับรู้ นี่ไม่ใช่ความแตกต่างเชิงอารมณ์หรือความรู้สึก แต่เป็นความแตกต่างที่มีรากฐานทางฟิสิกส์ของเสียง ระบบการขยายเสียง การรับรู้ของมนุษย์ และการตีความของผู้ฟังในแต่ละบริบท



คำถามคือ มือกลองเข้าใจความแตกต่างนี้ลึกเพียงใด และทักษะด้าน “#การฟังเสียงของตนเองจากมุมมองของผู้ชม” ได้รับการฝึกฝนมามากน้อยแค่ไหน?





ในขณะที่มือกลองนั่งอยู่หลังชุดกลอง เสียงที่เขาได้ยินเกิดจากการสั่นสะเทือนตรงหน้าอย่างชัดเจน ไม่มีการผ่านกระบวนการแปรสภาพจากระบบใดมากนัก เสียงที่ได้ยินนั้นมีความใกล้ชิด รวดเร็ว ตรงไปตรงมา และเต็มไปด้วยรายละเอียดทางไดนามิกอย่างละเอียด เช่น 𝗴𝗵𝗼𝘀𝘁 𝗻𝗼𝘁𝗲, 𝗻𝘂𝗮𝗻𝗰𝗲 จาก 𝗵𝗶-𝗵𝗮𝘁 หรือการแตะ 𝗰𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹 อย่างเบาที่สุด



อย่างไรก็ตาม เมื่อเสียงนั้นถูกส่งต่อไปยังระบบเสียงของสถานที่ มันจะผ่านกระบวนการหลายขั้น เช่น การรับเสียงด้วยไมโครโฟน การประมวลผลผ่าน 𝗺𝗶𝘅𝗲𝗿 การบีบอัดสัญญาณด้วย 𝗰𝗼𝗺𝗽𝗿𝗲𝘀𝘀𝗼𝗿 การปรับย่านความถี่ด้วย 𝗘𝗤 และสุดท้ายคือการถูกขยายผ่านลำโพงที่อาจอยู่ห่างออกไปเป็นสิบหรือร้อยเมตร เสียงที่ออกมาจึงมีลักษณะต่างจากเสียงจริงที่มือกลองได้ยิน ทั้งในด้านโทน ความคมชัด และสัดส่วนของเสียงที่เปลี่ยนไปตามระบบและพื้นที่



สิ่งที่มักเกิดขึ้นคือ 𝗴𝗵𝗼𝘀𝘁 𝗻𝗼𝘁𝗲 ที่เบาเกินกว่าระบบจะขยายออกมาอย่างชัดเจนจะหายไป หรือเสียง 𝗰𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹 ที่มีความระยิบระยับเมื่อฟังใกล้ ๆ อาจกลายเป็นเสียงแหลมแข็งที่ทะลุพ้น 𝗺𝗶𝘅 ออกมาจนรบกวนความสมดุลของดนตรีในภาพรวม สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถมองเห็นหรือประเมินได้จากบนเวที หากไม่มีประสบการณ์หรือการฝึกฝนที่เฉพาะเจาะจงในการเข้าใจการเดินทางของเสียงจากตำแหน่งของผู้เล่นไปสู่ตำแหน่งของผู้ฟัง



คุณเคยตั้งคำถามหรือไม่ว่า เสียงที่คุณรู้สึกว่า “ดี” ขณะนั่งอยู่หลังชุดกลองนั้น เป็นเสียงแบบเดียวกับที่คนดูในแถวหลังของห้องคอนเสิร์ตได้รับฟังหรือไม่?





มีมือกลองจำนวนมากที่ประเมินคุณภาพของเสียงตนเองจากมุมมองของผู้เล่นเท่านั้น โดยไม่ได้ประเมินผลลัพธ์ของเสียงที่ออกไปจากลำโพง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนฟังได้ยินจริง ๆ ปัญหานี้ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในหมู่มือใหม่เท่านั้น แม้แต่มืออาชีพบางคนก็ยังใช้การฟังจาก 𝗺𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 หรือ 𝗶𝗻-𝗲𝗮𝗿 𝗺𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 เป็นเกณฑ์ในการควบคุมเสียงของตนเอง โดยลืมไปว่าเสียงเหล่านั้นถูกปรับแต่งและส่งผ่านด้วยเจตนาเฉพาะด้าน ไม่ได้สะท้อนเสียงสุดท้ายที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ฟัง



การ 𝘀𝗼𝘂𝗻𝗱 𝗰𝗵𝗲𝗰𝗸 ที่ควรเป็นโอกาสในการประเมินคุณภาพเสียงในระบบจึงมักกลายเป็นการ “เช็กว่าได้ยินไหม” แทนที่จะเป็น “เช็กว่าควรตีแบบไหนเพื่อให้เสียงออกไปเหมาะสม” ผลที่ตามมาคือ การตีที่ไม่สมดุลกับระบบ เช่น การใช้พลังงานที่มากเกินไปจนทำให้เสียงกลองทะลุ 𝗺𝗶𝘅 หรือการใช้ 𝗱𝘆𝗻𝗮𝗺𝗶𝗰 ที่ละเอียดเกินกว่าระบบจะสามารถถ่ายทอดได้จริง



คุณเคยฟังเสียงกลองของตัวเองในบันทึก 𝗹𝗶𝘃𝗲 จากตำแหน่งของผู้ฟังหรือไม่? และเมื่อได้ยินเสียงนั้น คุณยังรู้สึกว่ามันคือสิ่งเดียวกับที่คุณเล่นบนเวทีหรือเปล่า?





มือกลองสามารถพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างของเสียงระหว่างเวทีกับห้องแสดงได้ผ่านหลายวิธี เช่น การบันทึกเสียงการแสดงสดแล้วฟังย้อนหลังด้วยอุปกรณ์ที่หลากหลาย การฝึกตีในลักษณะที่หลากหลายแล้วประเมินผลจากภายนอก การปรับ 𝘁𝘂𝗻𝗶𝗻𝗴 ของกลองให้เหมาะกับห้องหรือระบบเสียง รวมถึงการสื่อสารกับ 𝘀𝗼𝘂𝗻𝗱 𝗲𝗻𝗴𝗶𝗻𝗲𝗲𝗿 อย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่เพียงเพื่อบอกว่าอยากให้เสียงดังขึ้นหรือลดลง



ทักษะเหล่านี้ต้องอาศัยเวลา ความตั้งใจ และการเปิดใจรับฟัง 𝗳𝗲𝗲𝗱𝗯𝗮𝗰𝗸 จากผู้อื่น โดยเฉพาะจากผู้ฟังที่อยู่ในมุมต่าง ๆ ของสถานที่ หากมือกลองสามารถวิเคราะห์ได้ว่า 𝗴𝗵𝗼𝘀𝘁 𝗻𝗼𝘁𝗲 หายไปในระบบ หรือเสียง 𝗰𝘆𝗺𝗯𝗮𝗹 แหลมเกินไปสำหรับลำโพงด้านหน้า แสดงว่ามือกลองคนนั้นเริ่มพัฒนา “หูของผู้อื่น” ซึ่งเป็นทักษะที่แยกมือกลองทั่วไปออกจากมืออาชีพในทางปฏิบัติ



เมื่อคุณตี 𝗳𝗶𝗹𝗹 ที่ซับซ้อน คุณมั่นใจแค่ไหนว่าโน้ตทั้งหมดจะถูกถ่ายทอดผ่านระบบเสียงได้ครบถ้วน และทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความซับซ้อนนั้นอย่างที่คุณตั้งใจไว้?





การเล่นกลองบนเวทีไม่ใช่แค่การควบคุมกล้ามเนื้อหรือ 𝗱𝘆𝗻𝗮𝗺𝗶𝗰 แต่รวมไปถึงการควบคุมวิธีที่เสียงของเราจะเดินทางออกไปและถูกฟังอย่างไรโดยคนที่ไม่ได้อยู่บนเวที การฟังจากจุดที่เราเล่นอาจเป็นจุดที่หลอกเรามากที่สุด เพราะเป็นตำแหน่งเดียวที่ไม่ใช่ตำแหน่งของผู้ฟัง



มือกลองที่สามารถปรับพฤติกรรมของตนให้สอดคล้องกับระบบเสียง สถานที่ และการรับรู้ของผู้ฟังได้ จะสามารถสร้างเสียงที่มีความสมดุลและสนับสนุนดนตรีทั้งวงได้จริง ในขณะที่มือกลองที่ตีเพื่อตัวเองจะยังคงประเมินคุณค่าของเสียงตนเองจากเพียงมุมเดียว  





ถ้าวันนี้คุณนั่งฟังการแสดงของตัวเองในฐานะคนดู คุณจะรู้สึกอย่างไรกับเสียงของคุณใน 𝗺𝗶𝘅? และเสียงนั้น... คือสิ่งที่คุณตั้งใจจะให้ผู้ฟังได้รับจริง ๆ หรือไม่


 
 
 

Comments


bottom of page