top of page
Search

อะไรสำคัญกว่า โน้ตที่ตีหรือผลลัพธ์ที่คนฟังรู้สึก❓ 🥁🎶

  • Writer: Dr.Kasem THipayametrakul
    Dr.Kasem THipayametrakul
  • Apr 17
  • 1 min read



ดนตรีไม่ใช่เพียงการเรียงเสียงตามทฤษฎีที่เขียนลงในกระดาษเท่านั้น หากแต่คือกระบวนการถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก และเจตจำนงภายในออกมาในรูปของเสียงและจังหวะ โดยเฉพาะในมิติของ 'การสื่อสารผ่านจังหวะ' ที่มือกลองเป็นผู้ขับเคลื่อนจังหวะชีวิตของเพลง การตีแต่ละโน้ตจึงไม่ใช่เพียงการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อหรือการใช้เทคนิคที่แม่นยำ แต่คือการส่งผ่านภาษาไร้ถ้อยคำที่มีอิทธิพลต่อภาวะอารมณ์ของผู้ฟังแบบที่ไม่สามารถจับต้องได้ นี่คือพื้นที่ที่จังหวะกลายเป็นเครื่องมือของการสื่อสารภายในระดับที่ลึกซึ้ง และบางครั้งอาจเข้าถึงจิตใจของผู้ฟังได้มากกว่าคำพูดหรือท่วงทำนองด้วยซ้ำ



คำถามว่า "#อะไรสำคัญกว่า: โน้ตที่ตี หรือผลลัพธ์ที่คนฟังรู้สึก?" จึงไม่ได้เป็นเพียงการเปรียบเทียบเทคนิคกับอารมณ์ แต่เป็นคำถามที่ชี้ให้เห็นถึงวิธีคิด วิธีฝึก และวิธีเข้าใจบทบาทของเราในฐานะมือกลอง





โน้ตคือภาษาพื้นฐานที่มือกลองใช้สื่อสารและสร้างกรอบในการเคลื่อนไหวของเสียงในพื้นที่ของดนตรี มันเป็นทั้งระบบสัญลักษณ์และแนวทางที่ช่วยให้การตีเป็นไปอย่างมีทิศทางและควบคุมได้ โน้ตที่ถูกต้องไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการตีให้ตรงกับที่เขียนไว้ในกระดาษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการรักษาจังหวะให้มั่นคง การจัดสรรน้ำหนักในการตีให้เหมาะสม การลงมือในตำแหน่งที่ให้เสียงชัดเจนที่สุด และความเสมอต้นเสมอปลายในการควบคุมคุณภาพของเสียงแต่ละโน้ต โดยสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการฝึกเพื่อความแม่นยำทางกายภาพ แต่เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในฐานะผู้เล่นที่สามารถเป็นรากฐานให้กับทั้งวงดนตรี



โน้ตมีความสำคัญมากในช่วงของการเรียนรู้ เพราะเป็นวิธีที่ใช้ประเมินความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม มือกลองที่ยังไม่มีวินัยในการควบคุมโน้ตมักเจอปัญหาในการเล่นร่วมกับผู้อื่น การเล่นจะไม่ตรงจังหวะ ไม่ชัดเจน และขาดความน่าเชื่อถือในสายตาของนักดนตรีด้วยกัน





ดนตรีที่มีอารมณ์ คือดนตรีที่สามารถกระตุ้นการรับรู้และสร้างผลกระทบทางความรู้สึกต่อผู้ฟังได้จริง แม้จะไม่มีเนื้อร้องหรือคำพูดใดๆ ประกอบ แต่ผู้ฟังสามารถสัมผัสได้ถึงเจตจำนงของผู้เล่นผ่านองค์ประกอบต่างๆ เช่น จังหวะที่เน้นหนักเบาแตกต่างกัน การเว้นว่างที่เจตนาให้เกิดความเงียบ หรือแม้กระทั่งเสียงที่หลุดจังหวะหรือไม่สมบูรณ์แบบ ซึ่งบางครั้งกลับให้ความรู้สึกที่จริงแท้และมนุษย์มากกว่าการเล่นที่ไร้ที่ติ สิ่งเหล่านี้คือช่องทางการสื่อสารที่ไม่อิงโครงสร้างทางภาษา แต่สามารถสร้างภาพหรืออารมณ์ในจินตนาการของผู้ฟังได้อย่างมีพลัง



ผู้ฟังส่วนใหญ่มักไม่ได้รู้ว่าคุณตีโน้ตถูกหรือผิด แต่พวกเขาจะรู้สึกได้ทันทีหากคุณตีโดยไร้ความรู้สึก ไม่มีพลังกระตุ้น และไม่ส่งอารมณ์ ดนตรีที่มีโน้ตถูกต้องแต่ไม่มีจิตวิญญาณ ก็เปรียบเสมือนประโยคที่ถูกไวยากรณ์แต่ไร้ความหมาย



𝟯. #ความสัมพันธ์ที่ไม่อาจแยกจากกัน: เทคนิค + อารมณ์ = ศิลปะ



เทคนิคและอารมณ์ไม่ใช่สองสิ่งที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นเหมือนลมหายใจกับจังหวะหัวใจ ที่ต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ดนตรีมีชีวิต เทคนิคเปรียบเสมือนภาชนะที่มั่นคง ส่วนอารมณ์คือของเหลวที่หล่อเลี้ยงภายใน หากมีแต่อารมณ์แต่ไร้ทิศทางหรือควบคุมไม่ได้ เช่น การตีมั่ว เสียงไม่ชัด จังหวะเพี้ยน ก็เปรียบเสมือนน้ำที่หกเลอะพื้น ผู้ฟังจะไม่สามารถรับรู้สารที่คุณต้องการจะสื่อได้อย่างชัดเจน



ในทางกลับกัน หากคุณเล่นได้แม่นแต่ไม่มีความตั้งใจส่งพลัง ก็เป็นเพียงเสียงที่ว่างเปล่า ผู้ฟังอาจไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ว่าคุณจะตีด้วยเทคนิคที่สมบูรณ์แค่ไหนก็ตาม





𝗚𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 คือความสม่ำเสมอของจังหวะที่ขับเคลื่อนเพลงไปอย่างลื่นไหลและเป็นธรรมชาติ ราวกับคลื่นที่พาผู้ฟังไหลไปเรื่อยๆ ส่วน 𝗙𝗲𝗲𝗹 คืออารมณ์ที่ซ่อนอยู่ใน 𝗴𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 เหล่านั้น เป็นสิ่งที่มือกลองถ่ายทอดออกมาโดยไม่ต้องใช้คำพูด แต่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกอยากขยับร่างกาย เคาะเท้า หรือหลับตาซึมซับกับทุกจังหวะ



การสร้าง 𝗴𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 ที่ดีไม่ใช่แค่การตีตรงเมโทรนอม แต่คือการทำให้ทุกโน้ตมีชีวิต ทำให้ผู้เล่นคนอื่นในวงรู้สึกว่า "ปลอดภัย" และทำให้ผู้ฟังเชื่อมโยงกับดนตรีในระดับที่ลึกกว่าแค่การฟังเสียง





ผู้ฟังส่วนใหญ่อาจไม่รู้ว่าโน้ตที่คุณตีชื่ออะไร หรือคุณใช้ 𝗿𝘂𝗱𝗶𝗺𝗲𝗻𝘁 ไหน แต่พวกเขารับรู้ได้ทันทีหากคุณมีพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมา การที่คุณสามารถควบคุมบรรยากาศ สร้างแรงสั่นสะเทือนทางอารมณ์ หรือเปลี่ยน 𝗺𝗼𝗼𝗱 ของห้องทั้งห้องผ่านจังหวะได้ คือการแสดงออกที่ลึกกว่าความถูกต้องของโน้ต



การตีที่ไม่มีอารมณ์ แม้จะเที่ยงตรงและมีเทคนิคสูง แต่หากไม่สามารถสื่อสารได้จริง มันจะกลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมายในโลกของการแสดงสด





มือกลองจำนวนมากเข้าใจผิดว่าการฝึกคือเป้าหมายสูงสุด ทั้งที่จริง การฝึกเป็นเพียงสะพานที่พาคุณไปยังเป้าหมายที่แท้จริง นั่นคือการถ่ายทอดพลัง ความคิด และอารมณ์ของคุณสู่ผู้ฟัง คุณไม่ได้ฝึกเพื่อเป็นเครื่องจักร แต่ฝึกเพื่อเป็นมนุษย์ที่สามารถสื่อสารผ่านเสียงกลองได้อย่างแท้จริง



คุณค่าของการเป็นศิลปินอยู่ที่ความสามารถในการเชื่อมโยงกับผู้ฟัง ไม่ใช่เพียงความสามารถในการเลียนแบบโน้ตหรือเล่นให้เป๊ะเหมือนต้นฉบับ





คำถามที่ว่า "โน้ตที่ตี กับผลลัพธ์ที่ผู้ฟังรู้สึก อะไรสำคัญกว่า?" อาจดูเหมือนต้องเลือกข้าง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ดนตรีที่ทรงพลังคือผลลัพธ์ของการผสานทั้งความแม่นยำทางเทคนิคและความลึกซึ้งทางอารมณ์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มกันและกันจนเกิดเป็นศิลปะที่สื่อสารได้ทั้งความคิดและความรู้สึก



มือกลองที่เติบโตจริงๆ คือละเอียดพอที่จะตีโน้ตได้ถูกต้อง มีเทคนิคที่มั่นคง และเปิดใจกว้างพอที่จะปล่อยให้อารมณ์และความรู้สึกไหลผ่านออกมาผ่านทุกจังหวะที่ตี ไม่ว่าจะเป็นเสียงกระทบที่เบาเพียงใด หรือความเงียบระหว่างโน้ตแต่ละตัว  





  วันนี้คุณตีโน้ตเพื่ออะไร?



  คุณอยากให้ผู้ฟัง "ได้ยิน" อะไร?



  และที่สำคัญที่สุด: คุณอยากให้ผู้ฟัง "รู้สึก" อะไรจากเสียงของคุณ?

 
 
 

コメント


bottom of page