
การเป็นมือกลองที่ยอดเยี่ยมไม่ได้ขึ้นอยู่กับทักษะการเล่นเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมและแนวคิดเกี่ยวกับการฝึกซ้อม การทำงาน และการแสดงออกในวงการดนตรีด้วย นักดนตรีมืออาชีพมักจะมีวินัยและแนวทางปฏิบัติที่ช่วยให้พวกเขาสามารถรักษาระดับฝีมือและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น หากคุณต้องการยกระดับตัวเองไปสู่มือกลองมืออาชีพ มีพฤติกรรมบางอย่างที่คุณควรหลีกเลี่ยง
หลายคนฝึกซ้อมโดยไม่มีแผนที่ชัดเจน เล่นแต่สิ่งที่ตนเองถนัดซ้ำไปซ้ำมา หรือซ้อมไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีเป้าหมายเฉพาะเจาะจง ซึ่งส่งผลให้พัฒนาการชะลอตัว
สิ่งที่มือกลองมืออาชีพทำแทน:
#วางแผนการซ้อม: มือกลองระดับมืออาชีพมักมีตารางฝึกซ้อมที่ชัดเจน เช่น การฝึก 𝗥𝘂𝗱𝗶𝗺𝗲𝗻𝘁𝘀, การพัฒนาความเร็ว, การฝึก 𝗜𝗻𝗱𝗲𝗽𝗲𝗻𝗱𝗲𝗻𝗰𝗲 (ความเป็นอิสระของแขนและขา), และการฝึก 𝗚𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲
#ใช้DeliberatePractice: การซ้อมที่มีประสิทธิภาพต้องเป็นแบบ 𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲 หรือการฝึกที่มุ่งเน้นไปที่จุดอ่อน โดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวิเคราะห์ข้อผิดพลาดของตัวเอง
#บันทึกวิดีโอการซ้อม: มือกลองระดับสูงมักบันทึกวิดีโอตัวเองขณะฝึกซ้อมเพื่อดูข้อผิดพลาด และหาทางปรับปรุงให้ดีขึ้น
มือกลองสมัครเล่นมักตีเสียงดังหรือเบาจนเกินไปโดยไม่มีการควบคุมไดนามิก ซึ่งทำให้การเล่นขาดอารมณ์และความกลมกลืนกับวงดนตรี
สิ่งที่มือกลองมืออาชีพทำแทน:
#ควบคุมไดนามิก: มือกลองมืออาชีพสามารถเล่นเสียงดัง-เบาได้อย่างแม่นยำ และรู้ว่าเมื่อใดควร "เล่นให้เต็มที่" และเมื่อใดควร "ถอยให้วง"
#ฝึกGhostNotesและAccents: มือกลองที่ดีต้องสามารถเล่น 𝗚𝗵𝗼𝘀𝘁 𝗡𝗼𝘁𝗲𝘀 (เสียงเบา) และ 𝗔𝗰𝗰𝗲𝗻𝘁𝘀 (เสียงเน้น) ได้อย่างแม่นยำ เพื่อสร้าง 𝗚𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 ที่มีมิติ
#ใช้เทคนิคMoellerStrokeและControlStroke: เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้การควบคุมไดนามิกดีขึ้นโดยไม่ต้องออกแรงมากเกินไป
มือกลองบางคนชอบโชว์เทคนิคหรือเล่น 𝗙𝗶𝗹𝗹 ที่ซับซ้อนโดยไม่สนใจว่ามันจะเหมาะกับเพลงหรือไม่ สิ่งนี้อาจทำให้ 𝗚𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 ของวงเสียสมดุล
สิ่งที่มือกลองมืออาชีพทำแทน:
#เข้าใจบทบาทของกลองในเพลง: มือกลองมืออาชีพจะให้ความสำคัญกับการทำให้ 𝗚𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 แน่นและสอดคล้องกับแนวเพลงมากกว่าการโชว์ทักษะ
#ฟังนักดนตรีคนอื่นในวง: กลองไม่ใช่เครื่องดนตรีเดี่ยว แต่เป็นเครื่องดนตรีที่ต้องประสานกับเบส กีตาร์ คีย์บอร์ด และนักร้อง มือกลองที่ดีต้องเรียนรู้การ "ฟัง" และปรับการเล่นของตัวเองให้เข้ากับวง
#เล่นให้ง่ายแต่แน่น: บางครั้ง 𝗚𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 ที่เรียบง่ายแต่หนักแน่น (เช่นของ 𝗦𝘁𝗲𝘃𝗲 𝗝𝗼𝗿𝗱𝗮𝗻 หรือ 𝗥𝗶𝗻𝗴𝗼 𝗦𝘁𝗮𝗿𝗿) อาจมีพลังมากกว่าการโชว์เทคนิคซับซ้อน
มือกลองสมัครเล่นมักไม่ใส่ใจการตั้งเสียงกลอง (𝗧𝘂𝗻𝗶𝗻𝗴) หรือปล่อยให้กลองและฉาบอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งาน
สิ่งที่มือกลองมืออาชีพทำแทน:
#เรียนรู้การตั้งเสียงกลอง (𝗧𝘂𝗻𝗶𝗻𝗴): การตั้งเสียงที่ดีสามารถทำให้กลองราคาถูกฟังดูยอดเยี่ยมได้ ขณะที่การตั้งเสียงไม่ดีสามารถทำให้กลองราคาแพงฟังดูแย่ได้
#ใช้กลองและฉาบที่เหมาะสมกับแนวเพลง: มือกลองมืออาชีพเลือกอุปกรณ์ที่เข้ากับแนวเพลง เช่น แจ๊สต้องใช้กลองที่เสียงอบอุ่นและฉาบบาง ๆ ส่วนร็อกต้องใช้กลองที่มีพลังและฉาบที่มีความกังวานสูง
#ดูแลรักษาอุปกรณ์: มือกลองที่ดีจะหมั่นเปลี่ยนหนังกลองเมื่อเสียงเริ่มเสื่อมสภาพ และตรวจสอบอุปกรณ์เสมอ เช่น การขันขาตั้งให้แน่น และเช็กสภาพฉาบไม่ให้มีรอยร้าว
แม้ว่าคุณจะเป็นมือกลองที่เก่งแค่ไหน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มาสาย ขาดความรับผิดชอบ หรือเข้ากับเพื่อนร่วมวงไม่ได้ คุณอาจไม่ได้รับโอกาสในวงการดนตรี
สิ่งที่มือกลองมืออาชีพทำแทน:
#ตรงต่อเวลาเสมอ: มือกลองที่ดีมักมาถึงที่ซ้อมหรือที่แสดงก่อนเวลาเพื่อเช็กอุปกรณ์และปรับจูนกลอง
#เป็นคนที่ร่วมงานด้วยง่าย: มือกลองที่มืออาชีพจะไม่อีโก้สูงเกินไป และพร้อมทำงานร่วมกับนักดนตรีคนอื่นโดยไม่มีปัญหา
#มีความเป็นมืออาชีพ: การเตรียมตัวล่วงหน้า การจดจำเพลง และการแสดงความเคารพต่อเพื่อนร่วมวงและทีมงานเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มือกลองได้รับความเคารพจากคนในวงการ
ดังนั้น การเป็นมือกลองมืออาชีพไม่ได้หมายถึงการเล่นเร็ว เล่นเก่ง หรือโชว์เทคนิคมากมาย แต่หมายถึงการมีวินัย ความรับผิดชอบ และการเล่นที่ส่งเสริมวงให้ดีที่สุด หากคุณต้องการยกระดับตัวเอง ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ แล้วคุณจะเห็นพัฒนาการที่แตกต่างอย่างชัดเจน
Comments