top of page

#วิธีปรับตัวให้เข้ากับการทำงานร่วมกับสมาชิกในวงที่มีสไตล์ต่างกัน 💜 🤠

Writer's picture: Dr.Kasem THipayametrakulDr.Kasem THipayametrakul


ในวงดนตรี การที่สมาชิกแต่ละคนมีสไตล์การเล่นหรือแนวคิดทางดนตรีที่แตกต่างกันถือเป็นเรื่องปกติและเป็นส่วนหนึ่งของความท้าทายในการทำงานเป็นทีม การทำความเข้าใจวิธีปรับตัวและสื่อสารกับสมาชิกวงที่มีความแตกต่างเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้วงทำงานได้อย่างราบรื่นและสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพสูง





ในแต่ละวง สมาชิกมักมาจากพื้นฐานทางดนตรีที่หลากหลาย เช่น มือกลองอาจเติบโตมากับดนตรีร็อกคลาสสิก ขณะที่มือเบสอาจมีประสบการณ์ในดนตรีแจ๊ส หรือมือกีตาร์ชื่นชอบแนวฟังก์ การเข้าใจจุดเริ่มต้นทางดนตรีเหล่านี้ช่วยให้เราเห็นมุมมองและจุดแข็งเฉพาะของแต่ละคน เช่น หากมือกลองรู้ว่ามือเบสเน้นจังหวะที่ซับซ้อน การปรับไดนามิกของกลองให้สอดคล้องกับเบสจะช่วยสร้างความกลมกลืนทางดนตรีได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การถามคำถามเกี่ยวกับแนวคิดที่สมาชิกคนอื่นชอบ เช่น “คุณต้องการให้เสียงเพลงออกมาแบบไหน?” จะช่วยสร้างความเข้าใจร่วมกัน





การพูดคุยเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานร่วมกันในวง โดยเฉพาะเมื่อแต่ละคนมีสไตล์ที่แตกต่างกัน การตั้งกฎเกณฑ์หรือ “ข้อตกลงร่วม” เช่น การพูดคุยแนวทางเพลงก่อนเริ่มซ้อม หรือการจัดการความคิดเห็นที่แตกต่าง จะช่วยลดความเข้าใจผิด ตัวอย่างเช่น หากมือกีตาร์ต้องการเพิ่มโซโลในเพลงแต่ไม่ได้แจ้งไว้ล่วงหน้า อาจทำให้จังหวะเพลงรวนได้ การเปิดพื้นที่ให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น เช่น การประชุมวงประจำสัปดาห์ จะช่วยให้สมาชิกมีโอกาสปรึกษาและแชร์ไอเดียได้โดยไม่รู้สึกกดดัน





เมื่อทำงานในวงที่มีสไตล์หลากหลาย การเรียนรู้จากกันและกันสามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ตัวอย่างเช่น มือกลองที่ถนัดแนวเมทัลอาจได้เรียนรู้จังหวะที่นุ่มนวลขึ้นจากมือคีย์บอร์ดที่มีความเชี่ยวชาญในแนวโซล (𝗦𝗼𝘂𝗹) การเปิดใจฟังไอเดียใหม่ๆ และการทดลองเล่นในสไตล์ที่ไม่ถนัดช่วยให้เราเข้าใจสมาชิกคนอื่นมากขึ้น เช่น ในวงแจ๊ส การฟังและตอบสนองต่อการอิมโพรไวส์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก นี่อาจเป็นโอกาสให้มือกลองเรียนรู้การตีที่มีอิสระมากขึ้น นอกเหนือจากโครงสร้างจังหวะแบบเดิม





ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในวงดนตรี เช่น มือเบสต้องการเล่นในจังหวะที่ช้าลงเพื่อสร้างอารมณ์ แต่มือกีตาร์อาจมองว่าเพลงจะน่าเบื่อ การประนีประนอม เช่น ทดลองเล่นทั้งสองรูปแบบเพื่อหาจุดที่เหมาะสมที่สุด ช่วยให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การใช้ตัวอย่างเชิงปฏิบัติ เช่น ทดลองบันทึกเสียงทั้งสองแนว แล้วนำมาพิจารณาร่วมกัน ยังช่วยลดอารมณ์ขัดแย้งและเน้นการแก้ปัญหาบนพื้นฐานของเหตุผล





การมีเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยรวมความแตกต่างของสมาชิกในวงให้เป็นหนึ่งเดียว ตัวอย่างเช่น หากวงมีเป้าหมายออกอัลบั้มแรก สมาชิกทุกคนจะต้องร่วมมือกันเพื่อทำให้เป้าหมายสำเร็จ แม้ว่าจะต้องปรับเปลี่ยนแนวทางของตนในบางจุด เช่น มือกลองที่ชอบจังหวะซับซ้อนอาจต้องลดความซับซ้อนเพื่อให้เหมาะสมกับเนื้อหาของเพลง และฟังดูเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป้าหมายเหล่านี้ยังช่วยสร้างแรงจูงใจและทำให้ทุกคนเข้าใจว่าทำไมการปรับตัวจึงสำคัญ





เคมีทางดนตรีไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นทันที แต่พัฒนาขึ้นจากการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ การเล่นเพลงเดิมหลายๆ ครั้งช่วยให้สมาชิกวงสามารถคาดเดาจังหวะและแนวทางการเล่นของกันและกัน ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการอิมโพรไวส์ มือเบสอาจเรียนรู้ว่ามือกลองชอบเน้นจังหวะในช่วงท้ายของบาร์ ซึ่งจะช่วยให้เบสสามารถตอบสนองได้อย่างสอดคล้อง การฝึกซ้อมร่วมยังช่วยสร้างความมั่นใจและลดความตึงเครียดที่เกิดจากความแตกต่าง





ความแตกต่างทางดนตรีไม่ใช่ข้อเสีย แต่เป็นโอกาสในการสร้างเสียงที่ไม่เหมือนใคร ตัวอย่างเช่น หากมือเบสถนัดแนวฟังก์ มือกลองชอบเมทัล และมือกีตาร์เล่นแจ๊ส การผสมผสานเหล่านี้อาจนำไปสู่แนวดนตรีใหม่ที่น่าสนใจ วงดนตรีหลายวงที่ประสบความสำเร็จมักเกิดจากการนำความแตกต่างของสมาชิกแต่ละคนมาพัฒนาเป็นจุดเด่น เช่น 𝗤𝘂𝗲𝗲𝗻 ที่สมาชิกแต่ละคนมีสไตล์ทางดนตรีต่างกัน แต่สามารถผสมผสานให้เกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว



การทำงานร่วมกับสมาชิกในวงที่มีสไตล์ต่างกันเป็นทั้งความท้าทายและโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในโลกของดนตรี แม้ว่าความแตกต่างทางสไตล์อาจทำให้เกิดความขัดแย้งหรือความเข้าใจผิด แต่ในขณะเดียวกัน ความหลากหลายเหล่านี้ก็เป็นแรงผลักดันสำคัญที่สามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับวงได้ การปรับตัว การสื่อสารอย่างเปิดใจ และการยอมรับในมุมมองของผู้อื่น คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ความแตกต่างกลายเป็นพลังสร้างสรรค์



#ในท้ายที่สุด การสร้างเสียงดนตรีที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่การเล่นเพื่อเอาชนะกัน แต่คือการเล่นเพื่อเติมเต็มกันและกัน การรวมตัวของสไตล์ที่หลากหลายช่วยสร้างเสียงที่มีมิติและความลึกซึ้ง ความสามัคคีในความแตกต่างคือสิ่งที่ทำให้วงดนตรีประสบความสำเร็จ และเสียงเพลงที่เกิดขึ้นจะสะท้อนถึงความเข้าใจและความตั้งใจร่วมกันของทุกคนในวง



เพราะดนตรีไม่ใช่แค่เสียง แต่คือเรื่องราวของการเดินทางร่วมกัน การเรียนรู้ที่จะก้าวผ่านความแตกต่าง และการสร้างสิ่งที่งดงามไปพร้อมกันคือสิ่งที่ทำให้การเล่นดนตรีในวงกลายเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าอย่างแท้จริงครับ  


0 views0 comments

Comments


bottom of page