การเลือกไม้สำหรับผลิตไม้กลองเป็นเรื่องที่สำคัญในวงการดนตรี เนื่องจากไม้กลองมีบทบาทสำคัญในการควบคุมเสียง ความทนทาน และการตอบสนองของเครื่องดนตรี การเลือกไม้ที่ใช้ในการผลิตไม้กลองจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความนิยม หรือเพียงแค่เลือกไม้ที่มีความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับลักษณะเฉพาะทางด้านวัสดุศาสตร์และประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมไม้กลองทั่วโลก
𝟭. ลักษณะเฉพาะของไม้ที่ใช้ในการผลิตไม้กลอง
ไม้ที่นิยมใช้ในการผลิตไม้กลองนั้นมีหลากหลายชนิด โดยแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันซึ่งตอบสนองต่อความต้องการในการใช้งานที่เฉพาะเจาะจง ไม้ที่นิยมมากที่สุดมีดังนี้:
𝟭.𝟭 ฮิคคอรี่ (𝗛𝗶𝗰𝗸𝗼𝗿𝘆)
ฮิคคอรี่เป็นไม้ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในการผลิตไม้กลอง ซึ่งถือเป็นไม้ที่มีความสมดุลทั้งในด้านของความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกได้ดี ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการเล่นดนตรีที่ต้องใช้พลังงานมาก อย่างเช่น ดนตรีร็อคและเมทัล ไม้ฮิคคอรี่สามารถช่วยให้ผู้เล่นกลองลดความเครียดในข้อมือและข้อศอกในขณะที่เล่นได้ดี
ฮิคคอรี่มีความหนาแน่นสูง และแม้จะมีความแข็งแรงมาก แต่ก็ยังคงมีความยืดหยุ่นในตัว ทำให้ไม้กลองที่ทำจากฮิคคอรี่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ขณะเดียวกันก็สามารถทนทานต่อการใช้งานหนักได้ดี จึงทำให้ไม้ฮิคคอรี่เป็นไม้ที่ได้รับความนิยมในการผลิตไม้กลองอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก
𝟭.𝟮 เมเปิ้ล (𝗠𝗮𝗽𝗹𝗲)
เมเปิ้ลเป็นไม้ที่มีน้ำหนักเบากว่าไม้ฮิคคอรี่ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ต้องการความคล่องตัวในการเล่นกลอง มีความยืดหยุ่นสูงและเสียงที่นุ่มนวลกว่าไม้ฮิคคอรี่ ไม้เมเปิ้ลมักจะถูกเลือกใช้ในกลองประเภทที่ต้องการเสียงที่อบอุ่นและเหมาะกับการเล่นแบบละเอียดหรือเพลงที่ไม่หนักมาก
แม้ว่าจะมีความทนทานน้อยกว่าฮิคคอรี่ แต่ไม้เมเปิ้ลก็ยังคงมีคุณสมบัติที่ทำให้มันเป็นที่นิยมในหมู่นักกลองที่เน้นความเร็วและการตอบสนองที่ไว
𝟭.𝟯 โอ๊ค (𝗢𝗮𝗸)
โอ๊คเป็นไม้ที่มีความหนาแน่นสูงและแข็งแรงมาก ทำให้ไม้กลองจากไม้โอ๊คมีความทนทานสูง เหมาะกับการเล่นดนตรีที่ใช้พลังมาก เช่น ดนตรีร็อค หรือเมทัล แม้ว่าไม้โอ๊คจะให้เสียงที่หนักและไม่ค่อยยืดหยุ่นเหมือนฮิคคอรี่ แต่มันก็เหมาะกับนักกลองที่ต้องการเสียงที่หนักแน่นและพลังในการตี
การเลือกใช้ไม้โอ๊คมักจะมาจากความต้องการในด้านของความแข็งแรงและความทนทานของวัสดุในการเล่นดนตรีที่มีแรงกระแทกสูง
𝟮. ทำไมไม้จากอเมริกาถึงได้รับความนิยมในการผลิตไม้กลอง
𝟮.𝟭 ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติในอเมริกา
สหรัฐอเมริกามีป่าไม้ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะในแถบภาคตะวันออกและภาคใต้ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไม้ฮิคคอรี่ เมเปิ้ล และโอ๊ค ที่มีคุณภาพสูงสำหรับใช้ในการผลิตไม้กลอง
การมีแหล่งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ทำให้ไม้เหล่านี้สามารถหาได้ง่ายในปริมาณมาก โดยไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการนำเข้าไม้จากประเทศอื่น ๆ จึงทำให้การผลิตไม้กลองในอเมริกามีต้นทุนที่ต่ำและสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
𝟮.𝟮 ประวัติศาสตร์ของการผลิตไม้กลองในอเมริกา
ประวัติศาสตร์การผลิตไม้กลองในสหรัฐอเมริกามีการเริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 𝟭𝟵 และต้นศตวรรษที่ 𝟮𝟬 ซึ่งเป็นยุคที่วงการดนตรีร็อค แจ๊ส และบลูส์เริ่มได้รับความนิยมในอเมริกา การผลิตไม้กลองได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักดนตรีที่ต้องการไม้กลองที่ทนทาน และสามารถให้เสียงที่เหมาะสมกับรูปแบบดนตรีต่างๆ การผลิตไม้กลองในอเมริกาจึงเติบโตขึ้นจนกลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมนี้ในปัจจุบัน **อ้างอิง (𝗝𝗼𝗵𝗻 𝗣. 𝗠𝗮𝗿𝘁𝗶𝗻, 𝗧𝗵𝗲 𝗛𝗶𝘀𝘁𝗼𝗿𝘆 𝗼𝗳 𝗔𝗺𝗲𝗿𝗶𝗰𝗮𝗻 𝗗𝗿𝘂𝗺𝘀𝘁𝗶𝗰𝗸𝘀).
𝟮.𝟯 ค่านิยมและความเชื่อมโยงกับตลาดโลก
การใช้ไม้จากอเมริกาในการผลิตไม้กลองนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงค่านิยมในวงการดนตรีและอุตสาหกรรมที่มองว่าการใช้วัสดุจากแหล่งที่มีชื่อเสียงและมีความมั่นคงเป็นสิ่งที่เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ แม้ว่าไม้จากประเทศอื่น ๆ จะมีคุณสมบัติที่ดี แต่ไม้จากอเมริกาก็ยังคงได้รับการยอมรับและมีอิทธิพลในตลาดโลก
𝟯. การใช้งานไม้จากประเทศอื่น
แม้ว่าไม้จากสหรัฐอเมริกาจะได้รับความนิยมสูงสุด แต่ในปัจจุบันก็มีการใช้งานไม้จากประเทศอื่น ๆ ในการผลิตไม้กลองเช่นกัน โดยเฉพาะไม้ที่มีลักษณะพิเศษหรือคุณสมบัติที่เหมาะสมกับรูปแบบดนตรีที่ต้องการเสียงเฉพาะ เช่น
𝟯.𝟭 ไม้จากญี่ปุ่น
ไม้โอ๊คญี่ปุ่น (𝗦𝗵𝗶𝗿𝗮 𝗞𝗮𝘀𝗵𝗶)
ไม้โอ๊คญี่ปุ่น หรือ 𝗦𝗵𝗶𝗿𝗮 𝗞𝗮𝘀𝗵𝗶 เป็นไม้ที่มีความทนทานสูงและมีเสียงที่หนักแน่น มีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับไม้โอ๊คจากอเมริกา แต่มีความหนาแน่นสูงกว่าเล็กน้อย ซึ่งทำให้ไม้กลองที่ทำจากไม้ 𝗦𝗵𝗶𝗿𝗮 𝗞𝗮𝘀𝗵𝗶 ให้เสียงที่มีความคมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับการเล่นดนตรีที่ต้องการเสียงหนักแน่น
ไม้บีชญี่ปุ่น (𝗝𝗮𝗽𝗮𝗻𝗲𝘀𝗲 𝗕𝗲𝗲𝗰𝗵)
ไม้บีชญี่ปุ่น (𝗝𝗮𝗽𝗮𝗻𝗲𝘀𝗲 𝗕𝗲𝗲𝗰𝗵) เป็นอีกหนึ่งไม้ที่ใช้ในการผลิตไม้กลองในญี่ปุ่น ไม้บีชมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ซึ่งทำให้มันเหมาะสำหรับการผลิตไม้กลองที่ต้องการเสียงที่ชัดเจนและเป็นกลาง ไม้บีชยังคงทนทานต่อการใช้งานหนักได้ดี
𝟯.𝟮 ไม้จากสวีเดน
𝗘𝘂𝗿𝗼𝗽𝗲𝗮𝗻 𝗕𝗲𝗲𝗰𝗵 (บีชยุโรป)
ไม้บีชยุโรป (𝗘𝘂𝗿𝗼𝗽𝗲𝗮𝗻 𝗕𝗲𝗲𝗰𝗵) เป็นไม้ที่ใช้ทำไม้กลองในสวีเดนและประเทศอื่น ๆ ในยุโรป เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีในด้านความทนทานและความยืดหยุ่นที่สมดุล ไม้บีชให้เสียงที่ชัดเจนและมีความคมชัดสูง ทำให้เป็นไม้ที่นิยมในวงการผลิตไม้กลองในยุโรป ไม้ชนิดนี้มักถูกเลือกใช้ในการทำไม้กลองที่เน้นเสียงที่เบาและละเอียด นอกจากนี้ยังมีความทนทานและไม่แตกหักง่ายเมื่อใช้งาน
𝟯.𝟯 ไม้จากประเทศไทย
ไม้ตะเคียน (𝗧𝗮𝗸𝗵𝗶𝗮𝗻) ไม้ตะเคียนเป็นไม้พื้นเมืองที่พบได้ในประเทศไทยและแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม้ตะเคียนมีลักษณะแข็งแรง ทนทาน และทนต่อแรงกระแทกได้ดี มีเสียงที่ค่อนข้างหนักแน่น เหมาะสำหรับการเล่นดนตรีที่ต้องการเสียงพลังสูง ไม้ตะเคียนมีความยืดหยุ่นน้อยกว่าฮิคคอรี่ แต่มีความแข็งแรงในการทนต่อการใช้งานหนักได้ดี
ไม้ยางพารา (𝗥𝘂𝗯𝗯𝗲𝗿𝘄𝗼𝗼𝗱) ไม้ยางพารามักใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน แต่ด้วยความทนทานและความยืดหยุ่น ไม้ยางพาราก็สามารถนำมาผลิตไม้กลองได้เช่นกัน ไม้ยางพารามีคุณสมบัติที่สามารถทนทานต่อการกระแทกได้ดี แต่เสียงจะค่อนข้างเบากว่าไม้ฮิคคอรี่และเมเปิ้ล ซึ่งอาจจะเหมาะกับดนตรีที่ต้องการความละเอียดและไม่เน้นเสียงที่หนักเกินไป
𝟯.𝟰 ไม้จากอินเดีย
𝗜𝗻𝗱𝗶𝗮𝗻 𝗥𝗼𝘀𝗲𝘄𝗼𝗼𝗱 (หรือที่รู้จักในชื่อ 𝗗𝗮𝗹𝗯𝗲𝗿𝗴𝗶𝗮 𝗹𝗮𝘁𝗶𝗳𝗼𝗹𝗶𝗮) เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความสวยงามและมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการนำมาใช้ในการผลิตเครื่องดนตรีต่างๆ เช่น กีตาร์และเปียโน รวมถึงไม้กลองด้วย ไม้ชนิดนี้ได้รับความนิยมในวงการดนตรีเนื่องจากมีเสียงที่อบอุ่นและมีคุณภาพเสียงที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรงและความทนทานที่เหมาะสมในการใช้งานที่ยาวนาน
𝟯.𝟱 ไม้จากศรีลังกา
𝗖𝗲𝘆𝗹𝗼𝗻 𝗘𝗯𝗼𝗻𝘆 (หรือ 𝗘𝗯𝗼𝗻𝘆 𝗳𝗿𝗼𝗺 𝗦𝗿𝗶 𝗟𝗮𝗻𝗸𝗮) เป็นไม้ที่มีชื่อเสียงจากความแข็งแรงและความสวยงาม รวมทั้งมีลักษณะพิเศษที่เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความทนทานสูงและเสียงที่มีคุณภาพสูง ไม้ชนิดนี้ถือเป็นหนึ่งในไม้ที่หายากและมีมูลค่าสูง เนื่องจากการตัดไม้ 𝗖𝗲𝘆𝗹𝗼𝗻 𝗘𝗯𝗼𝗻𝘆 จำเป็นต้องมีการอนุรักษ์อย่างเข้มงวดในหลายประเทศ
ในแง่ของการผลิตไม้กลอง 𝗖𝗲𝘆𝗹𝗼𝗻 𝗘𝗯𝗼𝗻𝘆 ถือเป็นไม้ที่ใช้ในการผลิตไม้กลองได้ เนื่องจากมีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งานหนัก การใช้ไม้ชนิดนี้มักจะเป็นที่ต้องการสำหรับการผลิตไม้กลองที่มีความพิเศษหรือเครื่องดนตรีที่ต้องการเสียงที่มีมิติและความคมชัด
𝟯.𝟲 ไม้จากเวียดนาม
𝗩𝗶𝗲𝘁𝗻𝗮𝗺𝗲𝘀𝗲 𝗢𝗮𝗸 (ไม้โอ๊คเวียดนาม) มีคุณสมบัติที่น่าสนใจและสามารถนำมาใช้ในการผลิตไม้กลองได้ เนื่องจากมีลักษณะคล้ายคลึงกับไม้โอ๊คจากแหล่งอื่นๆ เช่น โอ๊คจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยมีความหนาแน่นสูงและแข็งแรง ทำให้เหมาะสำหรับการผลิตไม้กลองที่ต้องการเสียงที่หนักและทนทานต่อแรงกระแทก ไม้โอ๊คเวียดนามจะให้เสียงที่ทรงพลังและมีความคมชัด ซึ่งเหมาะกับการเล่นดนตรีที่ต้องการการตีที่หนักหน่วง เช่น ดนตรีร็อค หรือเมทัล
อย่างไรก็ตาม ไม้โอ๊คเวียดนามอาจจะไม่เป็นที่นิยมมากเท่ากับไม้ฮิคคอรี่หรือไม้เมเปิ้ลในอุตสาหกรรมการผลิตไม้กลองที่ระดับสากล แต่ในบางกรณีก็สามารถใช้เป็นวัสดุในการผลิตไม้กลองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ เพราะสามารถหาวัสดุได้ง่ายและมีคุณสมบัติที่ทนทานเหมาะสมกับการใช้งานที่มีแรงกระแทกสูง
ดังนั้น ไม้โอ๊คเวียดนาม จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ผลิตไม้กลองในพื้นที่เอเชีย โดยเฉพาะในตลาดท้องถิ่นที่ต้องการใช้วัสดุที่มีต้นทุนต่ำแต่ยังคงคุณภาพในการผลิตไม้กลอง
𝟯.𝟳 ไม้จากมาเลเซีย
𝗠𝗮𝗹𝗮𝘆𝘀𝗶𝗮𝗻 𝗗𝘂𝗿𝗶𝗮𝗻 𝗪𝗼𝗼𝗱 (ไม้ทุเรียนของมาเลเซีย) เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่บางคนอาจไม่รู้จัก แต่ก็สามารถใช้ในการผลิตไม้กลองได้ เนื่องจากไม้ทุเรียนมีความแข็งแรงและทนทาน จึงเป็นวัสดุที่สามารถนำมาผลิตไม้กลองได้ในบางกรณี โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการความทนทานต่อการใช้งานที่ยาวนานหรือการตีที่หนักหน่วง
𝟯.𝟴 ไม้จากอินโดนีเซีย
ในอินโดนีเซีย การผลิตไม้กลองมักใช้ไม้จากต้นไม้พื้นเมืองที่มีอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไม้เหล่านี้มักมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับการทำไม้กลอง เนื่องจากมีความทนทานและยืดหยุ่นสูง และเสียงที่คมชัด ต่อไปนี้คือไม้บางชนิดที่ใช้ในการผลิตไม้กลองในอินโดนีเซีย:
ไม้สัก (𝗧𝗲𝗮𝗸)
ไม้สักเป็นไม้ที่มีความทนทานและคงทนต่อการใช้งานหนัก จึงมีการใช้ไม้สักในการผลิตไม้กลองในบางกรณี ไม้สักให้เสียงที่มีความหนักแน่นและทนทาน นอกจากนี้ยังมีความแข็งแรงที่ช่วยให้ไม้กลองสามารถใช้งานได้ยาวนาน
𝟯.𝟵 ไม้จากจีน
ประเทศจีนมีวัสดุหลายชนิดที่ใช้ในการผลิตไม้กลอง แม้ว่าจะไม่ได้มีการใช้วัสดุจากไม้เฉพาะที่โดดเด่นเหมือนในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังมีวัสดุที่เหมาะสมสำหรับการผลิตไม้กลองและเครื่องดนตรี โดยเฉพาะไม้จากต้นไม้พื้นเมืองและวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ ดังนี้:
ไม้เบญจพรรณ (𝗖𝗵𝗶𝗻𝗲𝘀𝗲 𝗠𝗮𝗽𝗹𝗲)
ไม้เบญจพรรณ (หรือไม้เมเปิ้ลจีน) เป็นไม้ที่มีความทนทานและมีความยืดหยุ่นพอสมควร นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ต้องการคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับไม้เมเปิ้ลในอเมริกา ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตไม้กลอง โดยเฉพาะในวงการกลองที่ต้องการความแข็งแรงและเสียงที่มีคุณภาพ
ไม้ไผ่ (𝗕𝗮𝗺𝗯𝗼𝗼)
ไม้ไผ่มีความทนทานสูงและมีความยืดหยุ่น ซึ่งทำให้มันเป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตไม้กลองในบางพื้นที่ของจีน ไม้ไผ่มักใช้ในกลองประเภทต่าง ๆ ที่ต้องการความเบาและตอบสนองเสียงอย่างรวดเร็ว เช่น กลองที่ใช้ในการแสดงพื้นบ้าน หรือกลองที่ใช้ในดนตรีพื้นเมือง
ไม้สน (𝗣𝗶𝗻𝗲)
ไม้สนจากจีน เช่น ไม้สนเขียว (𝗖𝗵𝗶𝗻𝗲𝘀𝗲 𝗣𝗶𝗻𝗲) บางครั้งก็ถูกนำมาใช้ในการผลิตไม้กลอง โดยเฉพาะในรุ่นที่ต้องการเสียงที่นุ่มนวลและน้ำหนักเบากว่าไม้จากชนิดอื่น แม้ว่าความทนทานจะน้อยกว่าไม้ฮิคคอรี่ แต่ไม้สนก็ยังคงได้รับความนิยมในบางวงการที่ต้องการไม้กลองที่มีลักษณะเสียงอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
ไม้โอ๊ค (𝗢𝗮𝗸)
ไม้โอ๊คจีนก็เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ใช้ในการผลิตไม้กลอง โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการไม้กลองที่มีความทนทานและเสียงที่หนักแน่น ไม้โอ๊คเหมาะสำหรับการเล่นดนตรีที่มีการกระแทกแรง ๆ เช่น ร็อคหรือเมทัล
ไม้แอช (𝗔𝘀𝗵)
ในบางกรณี ไม้แอชก็ถูกใช้ในการผลิตไม้กลองในประเทศจีน ไม้แอชเป็นไม้ที่มีน้ำหนักเบากว่าไม้ฮิคคอรี่และเหมาะกับการเล่นดนตรีที่ต้องการความเร็วและความคล่องตัวมากขึ้น แต่ยังคงมีความทนทานที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน
ไม้ไทร์ (𝗧𝗶𝗿𝗲 𝗪𝗼𝗼𝗱)
บางครั้งในพื้นที่ชนบทของจีนอาจมีการใช้ไม้จากต้นไม้ที่ได้รับการรีไซเคิลจากวัสดุเช่นยางรถยนต์เก่า ซึ่งนำมาผ่านกระบวนการเฉพาะเพื่อทำให้วัสดุนั้นมีคุณสมบัติเหมาะสมในการผลิตไม้กลอง แม้ว่าวัสดุดังกล่าวอาจจะไม่เป็นที่นิยมในวงการหลัก แต่มันสามารถนำไปใช้ในบางกรณีเฉพาะได้
การเลือกไม้ที่ใช้ในการผลิตไม้กลองไม่ใช่แค่เรื่องของความนิยมเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับลักษณะเฉพาะของไม้ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของนักดนตรีได้ดีที่สุด ไม้จากอเมริกามีความได้เปรียบจากทั้งด้านความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมการผลิตไม้กลอง แต่ไม้จากประเทศอื่น ๆ ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในการผลิตไม้กลองที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักดนตรีในรูปแบบต่าง ๆ
Comments