top of page

ทัศนคติที่เหมาะสมในการฝึกฝนดนตรี #ทำอย่างไรให้การฝึกไม่เป็นภาระ 🥁😊


การฝึกฝนดนตรีเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความพยายามและเวลา แต่หากเรามีทัศนคติที่เหมาะสม การฝึกฝนจะไม่กลายเป็นภาระหนักหน่วง แต่จะกลายเป็นเรื่องที่สนุกและท้าทายที่ช่วยให้เราเติบโตเป็นนักดนตรีที่เก่งขึ้น และนี่คือวิธีการปรับทัศนคติในการฝึกฝนดนตรีเพื่อให้มันกลายเป็นประสบการณ์ที่สนุกและไม่เครียด:





การมองการฝึกฝนเป็นการสนุกและการทดลองแทนที่จะมองเป็นภาระ จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงดนตรีในแบบที่เป็นธรรมชาติและไม่รู้สึกถูกบังคับ หากคุณมองการฝึกฝนเป็นการทดลองเพื่อค้นหาวิธีการเล่นใหม่ๆ หรือการเรียนรู้จากความผิดพลาด คุณจะสามารถเพลิดเพลินกับกระบวนการมากขึ้น เช่น การลองเล่นเพลงใหม่ที่คุณไม่เคยลองมาก่อน หรือทดลองใช้เทคนิคที่ไม่คุ้นเคยเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ในตัวคุณ





เป้าหมายเล็กๆ จะทำให้การฝึกฝนเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้มากกว่า ไม่ต้องตั้งเป้าหมายใหญ่เกินไปที่อาจทำให้รู้สึกท้อแท้ ตัวอย่างเช่น แทนที่จะตั้งเป้าหมายว่า "ต้องเล่นเพลงนี้ให้ได้ภายในอาทิตย์เดียว" ลองตั้งเป้าหมายเช่น "วันนี้จะฝึกทักษะการตีกลอง 𝟮𝟬 นาที" หรือ "จะฝึกท่า 𝗳𝗶𝗹𝗹 สองท่าใน 𝟭𝟱 นาที" เมื่อบรรลุเป้าหมายเล็กๆ เหล่านี้แล้วจะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจและได้พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป





การฝึกฝนในแบบเดิมๆ อาจทำให้คุณรู้สึกเบื่อหน่าย หรือเริ่มรู้สึกว่าการฝึกไม่มีความหมาย การเปลี่ยนวิธีการฝึกสามารถทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นและท้าทายได้ เช่น แทนที่จะฝึกแค่การตีจังหวะในคอร์สเดียว ลองทดลองการเล่นในเพลงที่คุณชอบ ลองฝึกโดยใช้แอปพลิเคชันที่ช่วยในการฝึกทักษะ หรือใช้เครื่องมือใหม่ๆ อย่างเครื่องมือช่วยซ้อมกับการปรับจังหวะที่จะทำให้การฝึกมีความสนุกและหลากหลายมากขึ้น





การให้รางวัลตัวเองหลังจากที่ฝึกฝนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะทำให้คุณรู้สึกว่าการฝึกไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อและเป็นการให้ผลลัพธ์ที่ดี ตัวอย่างเช่น หากคุณสามารถฝึกตามเป้าหมายเล็กๆ ได้สำเร็จ อาจให้รางวัลตัวเองด้วยการชมภาพยนตร์ที่คุณชอบ หรือการออกไปทานอาหารที่โปรดปราน การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกอยากฝึกฝนต่อไป





ทุกคนมีการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไป บางคนอาจพัฒนาได้เร็วกว่า แต่บางครั้งการรีบเร่งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วอาจทำให้การฝึกกลายเป็นความเครียดและสูญเสียความสนุก การให้เวลากับตัวเองในการพัฒนาทักษะจะทำให้คุณเรียนรู้ได้ลึกซึ้งกว่า และช่วยลดความรู้สึกของความกดดันในการฝึกฝน แทนที่จะรีบทำเสร็จ ให้คุณได้มองเห็นพัฒนาการที่เป็นขั้นตอน





ความสำเร็จไม่ได้หมายถึงการทำทั้งหมดให้เสร็จในครั้งเดียว การมองเห็นความสำเร็จในทุกๆ ก้าวเล็กๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกว่าการฝึกฝนเป็นกระบวนการที่มีคุณค่า ตัวอย่างเช่น หากคุณสามารถทำ 𝗳𝗶𝗹𝗹 ที่ยากได้ หรือคุณตีจังหวะได้ตามต้องการในการฝึกครั้งนี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นความสำเร็จเล็กๆ ที่จะช่วยให้คุณรู้สึกดีและมีกำลังใจในการฝึกฝนต่อไป





การฝึกฝนจะไม่เป็นภาระถ้าคุณสามารถเชื่อมโยงมันกับสิ่งที่คุณรัก เช่น การฝึกฝนดนตรีในเพลงที่คุณชอบ หรือการทดลองเล่นในสไตล์ที่คุณรู้สึกหลงใหล การเล่นในเพลงที่คุณรักจะทำให้การฝึกเป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ และเมื่อคุณได้ฝึกในเพลงที่คุณชอบจะช่วยให้การเรียนรู้ดนตรีมีความหมายมากยิ่งขึ้น





สภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้การฝึกฝนมีประสิทธิภาพและไม่เครียด ควรเลือกสถานที่ที่เงียบสงบ ไม่มีสิ่งรบกวน และมีอุปกรณ์ดนตรีที่พร้อมใช้ หากคุณฝึกอยู่ในที่ที่สงบและสะดวกสบาย จะทำให้คุณสามารถฝึกฝนได้อย่างเต็มที่และไม่ต้องเสียสมาธิไปกับสิ่งอื่น นอกจากนี้ การฝึกในที่ที่มีการตั้งแสงไฟที่ดี และอากาศที่เย็นสบายจะช่วยให้การฝึกเป็นไปอย่างราบรื่น





ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอในการฝึกฝน และมันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ การเรียนรู้จากความผิดพลาดและไม่ยึดติดกับความสมบูรณ์แบบจะช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจในการฝึกฝนมากขึ้น ถ้าคุณตีจังหวะผิด หรือทำท่าทางผิดก็ไม่ต้องตกใจ หรือเครียดเกินไป แค่หาวิธีปรับปรุงและกลับมาฝึกใหม่อีกครั้ง ความผิดพลาดนั้นจะทำให้คุณเติบโตขึ้นในฐานะนักดนตรี





การมีสติและการตั้งใจในการฝึกฝนจะช่วยให้คุณพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากคุณฝึกดนตรีโดยที่ไม่ได้มีสติหรือไม่ให้ความสำคัญกับทุกๆ รายละเอียด จะทำให้การฝึกไม่มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณฝึกตีจังหวะ ให้ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการตี อาจจะตั้งใจฟังเสียงของกลองในแต่ละจังหวะ ว่ามันเป็นไปตามที่คุณต้องการหรือไม่ การตั้งใจในทุกๆ ก้าวจะช่วยให้คุณเรียนรู้ได้เร็วและมีความสามารถที่เพิ่มขึ้น



การฝึกฝนดนตรีไม่ต้องเป็นภาระ หากคุณสามารถปรับทัศนคติและวิธีการฝึกให้เหมาะสมกับตัวเองได้ การมองการฝึกฝนเป็นการเรียนรู้ที่สนุกและท้าทาย จะทำให้คุณสามารถพัฒนาในเส้นทางดนตรีได้อย่างต่อเนื่องและเต็มที่ครับ!


 
 
 

Comments


bottom of page