top of page
Search

🎵 “ดนตรีคือที่พักใจของเด็กบางคน…ก่อนจะกลายเป็นที่แสดงศักยภาพ”

  • Writer: Dr.Kasem THipayametrakul
    Dr.Kasem THipayametrakul
  • Jul 5
  • 2 min read

เด็กบางคนไม่ได้เริ่มเรียนดนตรีเพราะอยากเก่ง


แต่เริ่มเล่นเพราะอยาก "อยู่กับเสียงที่ไม่ตัดสินเขา"



เขาอาจไม่พูดมาก


เขาอาจไม่กล้าเงยหน้าคุยกับครู


เขาอาจเหนื่อยกับโลกภายนอกที่วุ่นวาย


แต่ทุกครั้งที่ได้ตีเคาะ ได้กดเปียโน หรือได้เป่าท่อนเมโลดี้สั้นๆ


เขาได้กลับมา “อยู่กับตัวเอง” อย่างสงบ



𝟭. เพราะสำหรับเด็กบางคน…ดนตรีไม่ใช่กิจกรรม แต่คือที่พึ่งทางใจ



เด็กบางคนไม่เก่งวิชาการ


เด็กบางคนไม่กล้าสู้หน้าเพื่อน


เด็กบางคนมีปัญหาที่บ้าน แต่ไม่มีใครให้พูด


เด็กบางคนไม่มีพื้นที่ไหนที่เขารู้สึกว่า "ฉันไม่ผิด"



และสำหรับเด็กบางคน


ห้องเรียนดนตรี…อาจเป็นที่เดียวที่เขายังอยากมาโรงเรียนในวันนั้น





เด็กอาจรู้สึกว่าทุกอย่างคือสนามสอบ


การตอบผิด = โดนแก้


การไม่ทันเพื่อน = ถูกเทียบ


การเงียบ = ถูกตีความว่า “ไม่ตั้งใจ”



แต่ในห้องเรียนดนตรี...


๐ ไม่มีคำตอบที่ผิดถ้าเสียงนั้นคือความรู้สึก


๐ ไม่มีใครว่า ถ้าคุณยังเล่นไม่ตรง เพราะทุกคนเคยเริ่มจากจุดนั้น


๐ ไม่มีใครต้องถูกกว่าใคร เพราะจังหวะที่กลม เกิดจากการฟังกัน ไม่ใช่แข่งกัน



และที่สำคัญที่สุด…


ไม่มีใครเอาคะแนนมากดค่าความเป็นคนในห้องดนตรี





แต่เขากลับมา…เพราะมันคือช่วงเวลาเดียวที่เขา “หายใจได้โล่ง”



ในขณะที่ห้องเรียนอื่นอาจบีบให้เขาต้องรีบเข้าใจ


ห้องเรียนดนตรีให้โอกาสเขา "ฟัง"


ฟังเสียงของเครื่องดนตรี


ฟังเสียงของตัวเอง


และค่อยๆ ปรับจังหวะของใจให้เข้ากับสิ่งรอบตัว


มันคือ การฟื้นฟูจากข้างใน โดยไม่มีใครต้องพูดว่า



“เธอมีปัญหาใช่ไหม?”





แม้เขายังไม่เก่ง


แม้เขายังไม่กล้าโชว์


แต่เขาจะเริ่มกลับมา “ตั้งหลักกับตัวเอง” ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป



จากที่เคยรู้สึกว่าทุกอย่างในชีวิตพัง


เขาจะเริ่มรู้สึกว่า “ยังมีสิ่งหนึ่งที่ฉันควบคุมได้”


และสิ่งนั้น…คือเสียงที่เขาเล่น





แต่มันคือ “สนามซ้อมชีวิต” ในรูปแบบที่อ่อนโยนที่สุด


โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่ไม่มีที่อื่นให้พึ่งพา



 วันนี้…เราเคยมองออกไหมว่า เด็กบางคนไม่ได้อยากเก่ง



เขาแค่อยากรู้สึกว่า “เขาไม่ได้ไร้ค่า”


และเสียงดนตรีคือที่เดียวที่เขาได้เป็น "มนุษย์" โดยไม่ถูกตัดสิน



ถ้าเรามองแบบนี้ได้…


เราจะเข้าใจว่า



หน้าที่ของห้องเรียนดนตรี ไม่ใช่แค่สอนให้เล่นได้


แต่คือการทำให้เด็ก “อยู่ได้” ก่อน



𝟮. เด็กบางคนไม่มีพื้นที่ให้พูด…แต่มีจังหวะให้เล่น



ในโลกของผู้ใหญ่ คำพูดคือเครื่องมือ


แต่ในโลกของเด็กบางคน “จังหวะ” ต่างหาก…คือเสียงที่เขาใช้ในการสื่อสารกับโลก



เด็กหลายคนเติบโตมากับคำว่า “เงียบไว้”


ไม่กล้าพูด


พูดไม่ทันเพื่อน


พูดแล้วมีแต่คนขัด


พูดแล้วไม่มีใครฟัง


หรือบางคน…พูดไม่ได้เลย เพราะใจไม่อนุญาต



แต่พอเขาได้มานั่งในวงเพอร์คัชชัน


ถือไม้กลองไว้ในมือ


นั่งอยู่ในห้องที่ไม่มีใครคาดหวังให้พูดออกมาเป็นคำ


เขากลับ “ได้เปล่งเสียงของตัวเอง” เป็นครั้งแรก


ผ่านจังหวะที่สม่ำเสมอ ผ่านจังหวะที่ไม่ถูกตัดสิน



 #เด็กขี้อาย = ได้ตี 𝗿𝗵𝘆𝘁𝗵𝗺 ซ้ำๆ



เสียงกลองไม่ได้ตะโกน


แต่มัน "สั่นสะเทือน" ไปถึงภายในใจคนเล่น



๐ เด็กบางคนไม่กล้าเงยหน้าคุย แต่กล้าตี 𝟰 เสียงแบบสม่ำเสมอ


๐ เขายังไม่กล้าทักเพื่อน แต่กล้าลงมือเล่น 𝗽𝗮𝘁𝘁𝗲𝗿𝗻 ที่ซ้อมมาในบ้านเมื่อวาน



มันไม่ใช่แค่เรื่องของจังหวะ


แต่มันคือ “เสียงของความกล้าที่ยังไม่มีคำพูดรองรับ”



 #เด็กไม่กล้าเข้าสังคม = ได้นั่งใน 𝗽𝗲𝗿𝗰𝘂𝘀𝘀𝗶𝗼𝗻 𝘀𝗲𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻 แบบไม่ต้องพูด



ลองนึกถึงเด็กที่ไม่กล้าจับกลุ่ม ไม่กล้าคุยในห้องเรียน


เขาอาจรู้สึกโดดเดี่ยวในห้องเรียนทั่วๆ ไป


แต่ในวงโยฯ หรือวงเพอร์คัชชัน…


เขาได้นั่ง “ในทีม”


ได้อยู่ตรงนั้นอย่างมีความหมาย


โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย



แค่ตีให้ตรง แค่ฟังให้เป็น


เขาก็กลายเป็น “คนสำคัญ” ในระบบเสียงที่กำลังทำงานร่วมกัน



 #เด็กที่เกรดตก = ได้ 𝘀𝗼𝗹𝗼 ท่อนเล็กๆ แล้วได้รับเสียงปรบมือ



เด็กบางคนชินกับการเป็น “คนผิดพลาด”


ชินกับคะแนนที่ต่ำ


ชินกับสายตาที่มองว่าเขา “ไม่เอาไหน”



แต่พอเขาได้ 𝗦𝗼𝗹𝗼 แค่ไม่กี่วินาทีในเพลง


แล้วทั้งวงเงียบเพื่อฟังเขา


แล้วผู้ชมปรบมือให้



นั่นคือ “ฟีดแบคชีวิต” แบบใหม่…ที่เด็กไม่เคยได้รับจากห้องเรียนอื่น



มันไม่ใช่แค่การได้โชว์


แต่มันคือการได้รับ “พื้นที่ให้มีตัวตน” อย่างเต็มใจ





แต่คือการ ฟื้นฟูความรู้สึกของการมีตัวตน แบบค่อยเป็นค่อยไป



การตีตรง ไม่ใช่แค่การควบคุมจังหวะ


แต่มันคือการ “ควบคุมอะไรบางอย่างในชีวิตได้ด้วยตัวเอง”



และสำหรับเด็กบางคน…นั่นคือความรู้สึกที่หายไปนาน





เขาจะเริ่มเชื่อว่า


“บางอย่างในชีวิต…เราก็ทำได้ดีเหมือนกัน”



และเมื่อความเชื่อนั้นเริ่มงอกงาม


เด็กจะเริ่มขยายการกล้าไปสู่ด้านอื่น


เริ่มถาม เริ่มตอบ เริ่มขอซ้อมเพิ่ม


และที่สำคัญ…เริ่มยิ้มให้กับตัวเองได้โดยไม่ต้องมีใครบอกว่าเขา “เก่ง”





มีเด็กกี่คนที่ไม่ได้ต้องการแค่บทเรียน


แต่เขาต้องการ "จังหวะ" เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองยังมีความหมาย?



และวันนี้…เราให้จังหวะนั้นกับเขาแล้วหรือยัง?



𝟯. ดนตรีไม่ต้องเร็ว…แต่ต้องซ้ำ



“ลูกเรียนดนตรีแล้วได้อะไร?”


“จะเก่งเหมือนคนอื่นไหม?”


“เรียนมาหลายเดือน ทำไมยังไม่ได้ขึ้นเวที?”



คำถามเหล่านี้สะท้อน “ความห่วงใย” ของพ่อแม่


แต่บางครั้งก็สะท้อน “ความเร่งรัด” โดยไม่รู้ตัว



เพราะความเข้าใจผิดบางอย่างมักเกิดขึ้นว่า


“ถ้าเรียนแล้วไม่พัฒนาเร็ว = เสียเวลา”



แต่ในความเป็นจริง —สิ่งที่เด็กได้จากการเรียนดนตรี อาจไม่ใช่ความเร็ว แต่อาจเป็น รากลึกของชีวิต ที่จะพาเขาไปได้ไกลกว่าที่เราคาดคิด





แต่ต้องการ…


๐ ความนิ่งในใจ


๐ ความต่อเนื่องในชีวิต


๐ ความรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งในโลกที่ “ไม่เร่ง ไม่เร้า และไม่ว่า”



และสิ่งเหล่านี้…ไม่ได้มาจากการเรียนแบบเร่งสปีด



แต่มาจากการ “ซ้อมซ้ำ” อย่างมีความหมาย





การฝึกมือเดิม ๆ ซ้ำ 𝟭𝟬 ครั้งต่อวัน


การไล่สเกลที่ไม่มีใครชม


การนับ 𝟭-𝟮-𝟯-𝟰 ซ้ำในเพลงเดิมจนขึ้นใจ



อาจดูเหมือน “ไม่ก้าวหน้า”


แต่จริง ๆ แล้วคือ “การฝังรากจิตใจ” ให้เด็กมั่นคงกับบางสิ่งในชีวิต



ในโลกที่เด็กต้องปรับตัวตลอดเวลา


ต้องเจอสารพัดแรงกดดันจากห้องเรียน จากโซเชียล และจากครอบครัว



การซ้อมดนตรีแบบซ้ำ ๆ คือเวลาส่วนตัวที่เขาควบคุมได้





เขาอาจ…


๐ ยังไม่กล้าพูดหน้าชั้น


๐ ยังอ่านหนังสือไม่ทันเพื่อน


๐ ยังไม่มีเพื่อนในห้องเรียน



แต่เขาจำได้ว่า…


“บ่ายวันจันทร์ = ซ้อมกลอง”


“ทุกวันศุกร์ = ขึ้นชั้นเรียนเพอร์คัชชัน”


“เย็นนี้จะได้เล่นเพลงที่ชอบอีกครั้งหนึ่ง”



ความสม่ำเสมอเหล่านี้…คือ


“แนวพรมแดนของความมั่นคงในชีวิต”


และมันช่วยให้เด็กค่อยๆ รู้ว่า



บางอย่างในชีวิตยังพึ่งพาได้เสมอ แม้โลกจะเปลี่ยนเร็วแค่ไหน





แต่เพราะ “กำลังฝึกใจ” ไปพร้อมกับฝีมือ



การเล่นเพลงเดิม ไม่ใช่แค่เพื่อความเป๊ะ


แต่คือการฟังตัวเองซ้ำ


คือการอยู่กับปัจจุบัน


คือการ “ทำอะไรบางอย่างอย่างตั้งใจในโลกที่วุ่นวาย”



และเด็กบางคน…ต้องการ “ประสบการณ์แบบนี้” ให้เต็มก่อน



ก่อนจะเริ่มสนใจว่า “เราจะเก่งขึ้นเมื่อไหร่”



อย่ามองว่าการเรียนดนตรีคือ “การพัฒนาแบบแข่งกับเวลา”



เพราะสำหรับเด็กบางคน


การฝึกซ้ำ…คือการฝังราก


การเล่นช้า…คือการตั้งหลัก


และความต่อเนื่อง…คือยารักษาใจเงียบๆ ที่ไม่มีใครพูดถึง



 วันนี้คุณกำลังถามว่า “ลูกจะเก่งเร็วแค่ไหน?”



หรือคุณกำลังเห็นว่า “ลูกมีที่วางใจในชีวิตแล้วหรือยัง?”



ดนตรีที่เล่นช้าและซ้ำ…อาจทำให้เด็กเดินไปได้เร็วและไกลกว่าเส้นทางไหนๆ เพราะเขาไม่ใช่แค่เก่ง แต่ “มั่นคง” และ “พร้อมจะเรียนรู้” อย่างแท้จริง



𝟰. เมื่อใจเริ่มนิ่ง…ศักยภาพจะเริ่มแสดงออกเอง



ทุกคนอยากให้เด็ก “พัฒนาเร็ว”


แต่มีน้อยคนนัก…ที่เข้าใจว่า “พัฒนาการที่แท้จริง ไม่ได้เริ่มจากการเร่ง แต่เริ่มจากใจที่ไม่กลัว”



ในห้องเรียนดนตรี เรามักเห็นเด็กสองแบบ:


๐ แบบแรก ตั้งใจ ฝึกแม่น ตั้งเป้าชัด


๐ แบบที่สอง เงียบ ไม่กล้า ไม่แน่ใจว่าควรพยายามแค่ไหน



เด็กกลุ่มที่สองนี้…มักถูกมองว่า “ไม่ค่อยมีศักยภาพ”


แต่ในความจริงแล้ว พวกเขา ไม่ได้ขาดความสามารถ


แต่กำลัง ขาดความปลอดภัย ทางใจในการเริ่มต้นเท่านั้น



และเมื่อไหร่ที่เขารู้สึกว่า “เขาไม่ถูกตัดสิน”


เมื่อนั้น…ไฟภายในจะเริ่มจุดติด





ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีแรงกดดันเกินไป



เด็กจะเริ่ม...


๐ “กล้าลอง” โดยไม่กลัวผิด


๐ “กล้าถาม” โดยไม่กลัวโดนเปรียบ


๐ “กล้าซ้อม” โดยไม่ต้องรอให้ใครบังคับ


๐ และ “กล้าตั้งเป้า” ด้วยตัวเองโดยไม่มีรางวัลมาเร่ง



และนั่นคือจุดเริ่มต้นของพัฒนาการที่ “ลึกและยั่งยืน”


ไม่ใช่แค่เก่งตามหลักสูตร…แต่คือ เก่งจากแรงภายใน



 #เด็กที่ไม่เคยกล้า จะเริ่ม “ขอลองอีกทีได้ไหมครับ?”



เด็กที่เคยกลัว จะเริ่ม “ขอเล่นคนเดียวดูได้ไหม?” เด็กที่เคยเงียบ จะเริ่ม “ช่วยให้เพื่อนได้ไหมครับ?”



สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะ “ใจเริ่มนิ่ง”


และนั่นแหละคือจุดที่ดนตรีไม่ใช่แค่กิจกรรม


แต่คือ เครื่องมือเรียกศักยภาพของเด็กกลับมา





แต่เขาแค่ไม่กล้าแสดงมันในที่ที่รู้สึกว่า "ผิดแล้วจะโดนตำหนิ"


และดนตรีที่ดี…


ห้องเรียนที่ดี…


ครูที่ดี…



จะไม่รีบให้เด็กเก่ง


แต่จะรีบให้เด็ก “ไม่กลัวตัวเอง”



 #เมื่อใจนิ่ง#เด็กจะเริ่มอยาก “เติบโตด้วยตัวเอง”



เราไม่ต้องสั่งให้เขาซ้อม


เขาจะหยิบกลองมาซ้อมเอง


เราไม่ต้องบอกให้ตั้งเป้า


เขาจะถามว่า “ถ้าอยากเล่นเพลงนี้ให้ได้ ต้องทำยังไงครับ”



และเราไม่ต้องปลอบใจเขาทุกครั้งที่พลาด


เพราะเขาเริ่มรู้ว่า



“ความผิดพลาดไม่ได้น่ากลัว…ถ้ามันพาเราไปไกลขึ้น”



เด็กที่กลัว = ไม่เริ่ม


เด็กที่เร่ง = ไม่ลึก


แต่เด็กที่ “ใจนิ่ง” จะเป็นเด็กที่ ค่อยๆ แข็งแรงจากข้างใน



และการเรียนดนตรีที่ดี…ไม่จำเป็นต้องเห็นพัฒนาการในสัปดาห์แรก



แต่อาจได้เห็น ชีวิตของเด็กเปลี่ยนไปตลอดกาล ในปีถัดมา



 ในวันนี้…เรากำลังเร่งให้เด็กเก่ง หรือเรากำลังสร้างสภาพแวดล้อมที่ให้เขา “กล้าเติบโตเอง”?



เพราะความเก่งที่เกิดจากแรงภายใน…จะยั่งยืนเสมอ


 


ดนตรีอาจไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง


แต่สำหรับเด็กบางคน…มันคือ “ที่พักใจ”



พักก่อนที่จะกล้าก้าว


พักก่อนที่จะกล้าคิด


พักก่อนที่จะกล้าสร้างฝันใหม่



และเมื่อใจพร้อม…


ดนตรีที่เคยเป็นที่พัก


จะกลายเป็น “ที่แสดงศักยภาพ” โดยธรรมชาติของมันเอง  

 
 
 

Comments


bottom of page