
การเล่นกลองบนเวทีที่ไม่มี 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 กลอง (หรือเครื่องเสียงที่ช่วยให้ผู้เล่นได้ยินเสียงของตัวเอง) ถือเป็นความท้าทายที่มือกลองมืออาชีพทุกคนอาจพบเจอในบางครั้ง หากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น อาจทำให้การแสดงมีปัญหาทั้งในแง่ของการตั้งจังหวะ การควบคุมเสียง และการประสานงานกับสมาชิกในวงดนตรี แต่ด้วยเทคนิคและแนวทางที่ถูกต้อง มือกลองสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
𝟭. #การฝึกการฟังจากหูของตัวเอง (𝗦𝗲𝗹𝗳-𝗺𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿𝗶𝗻𝗴)
เมื่อไม่มี 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 กลอง มือกลองจะต้องพึ่งพาการฟังเสียงที่ออกจากตัวกลองโดยตรง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกท้าทายเพราะเสียงกลองจะกระจายไปในทิศทางต่างๆ โดยที่มือกลองอาจไม่สามารถรับฟังได้อย่างชัดเจนจากจุดที่ตนเองอยู่บนเวที
การปรับตัวให้หูฟังได้ดีขึ้น: เริ่มจากการฝึกเล่นในห้องที่มีการควบคุมเสียง เช่น ห้องซ้อมที่ไม่ได้ใช้ 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 กลอง เพื่อให้หูของคุณได้คุ้นเคยกับการฟังเสียงที่ออกจากตัวกลองโดยตรง คุณจะเริ่มเรียนรู้วิธีแยกแยะเสียงจากกลองแต่ละชิ้น เช่น กลองทอม กลองเบส และสแนร์
การฟังการสะท้อนเสียง: ลองสังเกตว่าเสียงที่คุณตีจากกลองสะท้อนออกมาอย่างไรในห้องนั้นๆ การที่คุณได้ยินเสียงจากกลองสะท้อนจะช่วยให้คุณปรับท่าทางการตีให้เหมาะสมเพื่อให้ได้เสียงที่ต้องการ
#ข้อดีของการฝึกฟังจากหูตัวเอง การฝึกฟังเสียงจากตัวกลองช่วยให้คุณสามารถควบคุมการเล่นได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือเสริม ช่วยให้คุณมีทักษะในการเล่นดนตรีแบบที่ไม่ต้องอาศัยเทคโนโลยี
𝟮. #การใช้การตีกลองที่เป็นธรรมชาติ (𝗡𝗮𝘁𝘂𝗿𝗮𝗹 𝗣𝗹𝗮𝘆𝗶𝗻𝗴)
การเล่นกลองที่เป็นธรรมชาติหมายถึงการปรับตัวให้เสียงที่ออกมาจากกลองได้ดีโดยไม่พึ่งพาอุปกรณ์เสริม การฝึกใช้เทคนิคการตีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ไม่มี 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 กลองจะช่วยให้คุณได้ยินเสียงจากตัวกลองชัดเจนขึ้น
การใช้ความแรงในการตี: เมื่อคุณไม่สามารถได้ยินเสียงจาก 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 หรือ 𝗣𝗔 𝗦𝘆𝘀𝘁𝗲𝗺 ได้ดี การใช้แรงในการตีให้พอเหมาะจะช่วยให้เสียงจากกลองดังและชัดเจนขึ้น เช่น การตีให้แรงขึ้นในช่วงที่จำเป็น หรือการตีเบาๆ เพื่อให้เสียงไม่ออกมาเกินไป
การควบคุมการตีด้วยมือและเท้าทั้งสองข้าง: การใช้ความสัมพันธ์ระหว่างมือและเท้าของคุณในการควบคุมเสียงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นกลองโดยไม่พึ่งพา 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 หากการควบคุมการตีมือและเท้าดี จะทำให้เสียงออกมาชัดเจนและแม่นยำ
#ประโยชน์ของการใช้การตีกลองที่เป็นธรรมชาติ จะช่วยให้การเล่นของคุณมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตัวได้ทันทีในสถานการณ์ที่ไม่มีการสนับสนุนทางเทคนิค ทำให้คุณมีความมั่นใจและไม่พึ่งพาเครื่องมือช่วยมากเกินไป
𝟯. การประสานเสียงกับสมาชิกในวงดนตรี (𝗕𝗮𝗻𝗱 𝗖𝗼𝗺𝗺𝘂𝗻𝗶𝗰𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻)
การประสานเสียงในวงดนตรีมีความสำคัญไม่น้อยในกรณีที่ไม่มี 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 กลอง เนื่องจากการฟังเสียงจากเครื่องดนตรีอื่นๆ จะช่วยให้คุณตั้งจังหวะและปรับตัวให้เข้ากับสมาชิกในวงได้ดียิ่งขึ้น
การใช้การเคลื่อนไหวของร่างกาย: ในสถานการณ์ที่ไม่มี 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 กลอง การใช้ภาษากายในการสื่อสารกับสมาชิกในวงดนตรีถือเป็นสิ่งที่จำเป็น เช่น การเคลื่อนไหวเท้าหรือการยกมือเพื่อเป็นสัญญาณช่วยให้คนในวงสามารถร่วมประสานการเล่นได้ตามจังหวะ
การมองตากัน: การมองตากันระหว่างนักดนตรีในวงจะช่วยให้การเล่นเป็นไปได้อย่างประสาน และสามารถทำให้ทุกคนรู้ว่าเพลงนั้นไปถึงจุดไหนแล้ว
#การประสานเสียงกับเครื่องดนตรีอื่น หากคุณไม่ได้ยินเสียงของตัวเองอย่างชัดเจน การฟังเสียงจากเครื่องดนตรีอื่นๆ โดยเฉพาะเบสและกีตาร์ จะช่วยให้คุณทราบถึงจังหวะและรูปแบบของเพลง ซึ่งจะทำให้การเล่นของคุณร่วมมือได้ดีขึ้น
𝟰. #การใช้เครื่องมือเสริมในสถานการณ์ที่ไม่มี 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 กลอง
การใช้เครื่องมือเสริมในบางครั้งจะช่วยแก้ปัญหาการไม่ได้ยินเสียงของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้ 𝗜𝗻-𝗘𝗮𝗿 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿𝘀 (𝗜𝗘𝗠𝘀) หรือการติดตั้งไมโครโฟนภายนอก
𝗜𝗻-𝗘𝗮𝗿 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿𝘀 (𝗜𝗘𝗠𝘀)
การใช้งาน 𝗜𝗻-𝗘𝗮𝗿 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿𝘀: 𝗜𝗘𝗠𝘀 ช่วยให้คุณได้ยินเสียงของตัวเองผ่านหูฟังที่อยู่ใกล้หู ช่วยลดปัญหาการไม่ได้ยินเสียงจากตัวเองและช่วยให้การเล่นแม่นยำขึ้น ในบางครั้งคุณสามารถปรับเสียงของตัวเองได้ในหูฟัง เพื่อให้เสียงที่ได้ยินตรงกับที่คุณต้องการ
ข้อดีของ 𝗜𝗘𝗠𝘀: นอกจากจะช่วยให้ได้ยินเสียงตัวเองชัดเจนแล้ว 𝗜𝗘𝗠𝘀 ยังช่วยลดเสียงจากสภาพแวดล้อมหรือเสียงรบกวนจากเครื่องดนตรีอื่นๆ อีกด้วย
#การติดตั้งไมโครโฟนภายนอก (𝗘𝘅𝘁𝗲𝗿𝗻𝗮𝗹 𝗠𝗶𝗰𝗿𝗼𝗽𝗵𝗼𝗻𝗲𝘀)
การใช้ไมโครโฟน: หากไม่สามารถใช้ 𝗜𝗘𝗠𝘀 ได้ อาจพิจารณาติดตั้งไมโครโฟนที่กลองหรือเครื่องดนตรีเพื่อบันทึกเสียงและส่งไปยังระบบ 𝗣𝗔 หรือ 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 ของเวที ช่วยให้คุณได้ยินเสียงกลองของตัวเองได้อย่างชัดเจน
การตั้งไมโครโฟนอย่างถูกต้อง: ควรติดตั้งไมโครโฟนให้ห่างจากแหล่งเสียงที่รบกวนและหันไปในทิศทางที่สามารถรับเสียงจากกลองได้ดี
𝟱. #การปรับตัวให้เข้ากับเสียงของวง (𝗔𝗱𝗷𝘂𝘀𝘁𝗶𝗻𝗴 𝘁𝗼 𝘁𝗵𝗲 𝗦𝗼𝘂𝗻𝗱 𝗼𝗳 𝘁𝗵𝗲 𝗕𝗮𝗻𝗱)
การฝึกการเล่นในวงดนตรีบ่อยๆ โดยไม่พึ่งพา 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 กลอง จะช่วยพัฒนาความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับเสียงของวงและเพิ่มความสามารถในการเล่นตามจังหวะที่กำหนด
การตั้งจังหวะกับเบส: เบสมักจะเป็นเครื่องดนตรีที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างการเล่นของมือกลองกับการเล่นของนักดนตรีอื่น การฟังเสียงจากเบสจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงจังหวะและความเร็วของเพลง
การฟังเสียงจากกีตาร์: กีตาร์มักจะให้การแบ่งเบาผลกระทบของจังหวะเพลง และการฟังเสียงจากกีตาร์จะช่วยให้คุณรู้จักการปรับการตีให้เข้ากับการเล่นของวง
#การฝึกฝนการตอบสนองตามจังหวะของวง การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอในสภาพแวดล้อมที่ไม่มี 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 กลองจะช่วยพัฒนาทักษะการปรับตัวให้เหมาะสมกับการเล่นในสถานการณ์จริง โดยการเรียนรู้วิธีการตอบสนองและประสานเสียงจากเครื่องดนตรีอื่นๆ ได้อย่างมั่นใจ
ดังนั้น การเล่นกลองโดยไม่มี 𝗠𝗼𝗻𝗶𝘁𝗼𝗿 กลองไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณสามารถปรับตัวได้ดี การฝึกฟังเสียงจากตัวเอง การใช้เทคนิคการตีที่เหมาะสม และการประสานเสียงกับสมาชิกในวงจะช่วยให้การแสดงของคุณยังคงมีความราบรื่นและเต็มไปด้วยความสนุกได้แม้ในสถานการณ์ที่ท้าทาย
Comments