
หนึ่งในอุปสรรคที่มือกลองหลายคนต้องเผชิญคือ “#ความคาดหวังในความสมบูรณ์แบบ” หลายคนเชื่อว่าการเล่นกลองที่ดีต้องแม่นยำ 𝟭𝟬𝟬% หรือไม่มีข้อผิดพลาดเลย อย่างไรก็ตาม ดนตรีเป็นศิลปะที่มีความยืดหยุ่น และแม้แต่มือกลองระดับโลกก็ยังคงพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
บทความนี้จะอธิบายว่าทำไมความสมบูรณ์แบบจึงเป็นเป้าหมายที่ไม่มีอยู่จริง และแนวทางที่ถูกต้องในการพัฒนาตัวเองให้เป็นมือกลองที่ดีขึ้น
𝟭.𝟭 ดนตรีคือศิลปะ ไม่ใช่คณิตศาสตร์
๐ ดนตรีเป็นการแสดงออกที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และไดนามิก มากกว่าความแม่นยำแบบตัวเลข
๐ มือกลองบางคนอาจตีได้เป๊ะตามคลิกแทร็ก แต่ถ้าไม่มีอารมณ์และ 𝗚𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 ที่ดี เสียงที่ออกมาก็อาจฟังดูแข็งและไม่มีชีวิต
๐ เป้าหมายของการเล่นกลองควรเป็นการสื่อสารกับนักดนตรีคนอื่นและทำให้ดนตรีออกมาดีที่สุด มากกว่าการกังวลเรื่องการเล่นให้สมบูรณ์แบบ
𝟭.𝟮 มือกลองระดับโลกก็ยังทำผิดพลาดได้
๐ แม้แต่มือกลองอย่าง 𝗕𝘂𝗱𝗱𝘆 𝗥𝗶𝗰𝗵, 𝗦𝘁𝗲𝘃𝗲 𝗚𝗮𝗱𝗱 หรือ 𝗧𝗼𝗻𝘆 𝗪𝗶𝗹𝗹𝗶𝗮𝗺𝘀 ก็ยังเคยเล่นพลาด แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาเป็นตำนานคือ “ความสามารถในการกู้สถานการณ์”
๐ ข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ มักจะไม่ส่งผลเสียร้ายแรง ถ้าคุณสามารถปรับตัวและรักษา 𝗙𝗹𝗼𝘄 ของเพลงไว้ได้
𝟮.𝟭 ผลกระทบทางจิตใจ
๐ การพยายามเล่นให้สมบูรณ์แบบอาจทำให้เกิดความเครียดและกดดันตัวเองมากเกินไป
๐ อาจนำไปสู่ “𝗦𝘁𝗮𝗴𝗲 𝗙𝗿𝗶𝗴𝗵𝘁” หรืออาการวิตกกังวลเมื่อต้องเล่นสด เพราะกลัวจะเล่นผิด
๐ มือกลองที่มีความกังวลมากเกินไปมักจะตีไม่เป็นธรรมชาติ และอาจทำให้ดนตรีฟังดูแข็งกระด้าง
𝟮.𝟮 การขาดความมั่นใจและความคิดสร้างสรรค์
๐ หากมัวแต่กลัวความผิดพลาด คุณอาจลังเลที่จะลองอะไรใหม่ๆ เช่น เทคนิคใหม่หรือการ 𝗶𝗺𝗽𝗿𝗼𝘃𝗶𝘀𝗲
๐ ดนตรีต้องมีความเป็นธรรมชาติ การเปิดใจรับข้อผิดพลาดจะช่วยให้คุณพัฒนาและกลายเป็นนักดนตรีที่มีความมั่นใจมากขึ้น
𝟯.𝟭 โฟกัสที่ "#ความก้าวหน้า" ไม่ใช่ "#ความสมบูรณ์แบบ"
๐ ตั้งเป้าหมายเป็น “#การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” แทนที่จะคาดหวังว่าจะต้องเล่นให้เป๊ะ 𝟭𝟬𝟬%
๐ บันทึกวิดีโอการซ้อมและดูว่าคุณพัฒนาขึ้นอย่างไร แทนที่จะหาข้อผิดพลาดอย่างเดียว
๐ ใช้แนวคิด "𝗣𝗿𝗼𝗴𝗿𝗲𝘀𝘀 𝗢𝘃𝗲𝗿 𝗣𝗲𝗿𝗳𝗲𝗰𝘁𝗶𝗼𝗻" หรือ “#พัฒนาขึ้นวันละนิด #ดีกว่าพยายามให้สมบูรณ์แบบแล้วเครียด”
𝟯.𝟮 เรียนรู้จากความผิดพลาด
๐ มองข้อผิดพลาดเป็นโอกาสในการเรียนรู้ ไม่ใช่เรื่องล้มเหลว
๐ ถ้าคุณเล่นพลาดขณะซ้อมหรือแสดงสด แทนที่จะหยุด ให้ลองคิดว่าคุณจะกู้สถานการณ์อย่างไร
𝟯.𝟯 ฝึกการ "𝗥𝗲𝗰𝗼𝘃𝗲𝗿𝘆" เมื่อเกิดข้อผิดพลาด
๐ ฝึกเล่นโดยจงใจสร้างข้อผิดพลาดขึ้นมา เช่น การเล่นโน้ตผิด แล้วลองหาวิธีทำให้มันฟังดูเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเพลง
๐ เทคนิคที่ดีคือ “𝗣𝗹𝗮𝘆 𝘁𝗵𝗿𝗼𝘂𝗴𝗵 𝗺𝗶𝘀𝘁𝗮𝗸𝗲𝘀” หรือ “#เล่นต่อไปแม้จะผิด” เพราะบางครั้งคนฟังอาจไม่รู้ตัวเลยว่าคุณเล่นพลาด
𝟰.𝟭 การฝึกให้รู้สึก "#สบาย" กับเครื่องดนตรี
๐ หากร่างกายของคุณเครียดหรือเกร็ง การเล่นจะขาดความลื่นไหลและมีโอกาสผิดพลาดมากขึ้น
๐ ฝึกควบคุมการหายใจและทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายเมื่อเล่น
𝟰.𝟮 การพัฒนาสัมผัสและ 𝗚𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 มากกว่าความแม่นยำที่สมบูรณ์แบบ
๐ 𝗚𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 ที่ดีคือการเล่นที่มี 𝗙𝗲𝗲𝗹 ไม่ใช่แค่การเล่นให้ตรงเมโทรโนม
๐ มือกลองอย่าง 𝗝𝗼𝗵𝗻 𝗕𝗼𝗻𝗵𝗮𝗺 (𝗟𝗲𝗱 𝗭𝗲𝗽𝗽𝗲𝗹𝗶𝗻) หรือ 𝗦𝘁𝗲𝘃𝗲 𝗝𝗼𝗿𝗱𝗮𝗻 ไม่ได้เล่นตรง 𝟭𝟬𝟬% ตาม 𝗖𝗹𝗶𝗰𝗸 𝗧𝗿𝗮𝗰𝗸 แต่พวกเขามี 𝗚𝗿𝗼𝗼𝘃𝗲 ที่ทำให้ดนตรีฟังดูมีชีวิตชีวา
𝟱.𝟭 ฝึกเล่นกับเมโทรโนม แต่ไม่ยึดติดกับมัน
๐ เมโทรโนมช่วยให้คุณพัฒนาจังหวะและไทม์มิ่ง แต่ดนตรีจริงๆ ไม่จำเป็นต้องแข็งเกร็งเหมือนเครื่องจักร
𝟱.𝟮 ฝึกการ 𝗜𝗺𝗽𝗿𝗼𝘃𝗶𝘀𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 (ด้นสด)
๐ ดนตรีไม่ใช่แค่การเล่นตามโน้ตที่เขียนไว้ แต่เป็นเรื่องของปฏิสัมพันธ์กับนักดนตรีคนอื่น
๐ การฝึก 𝗶𝗺𝗽𝗿𝗼𝘃𝗶𝘀𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจและไม่กลัวข้อผิดพลาด
𝟱.𝟯 เล่นกับนักดนตรีที่มีประสบการณ์
๐ การเล่นกับนักดนตรีที่เก่งกว่า จะช่วยให้คุณพัฒนาการฟังและการตอบสนองต่อดนตรีได้ดีขึ้น
๐ คุณจะได้เรียนรู้ว่า “#การเล่นให้ดนตรีดีขึ้น” สำคัญกว่าการเล่นให้แม่นยำเพียงอย่างเดียว
การเล่นกลองที่ดีไม่ใช่เรื่องของความสมบูรณ์แบบ แต่เป็นเรื่องของ Groove, Feel และการสื่อสารกับนักดนตรีคนอื่น มือกลองที่ยอดเยี่ยมคือคนที่รู้จักปรับตัว เรียนรู้จากข้อผิดพลาด และเล่นอย่างมั่นใจโดยไม่ยึดติดกับการต้องเล่นให้ไร้ที่ติ
ดังนั้น แทนที่จะมุ่งมั่นหาความสมบูรณ์แบบ ลองมุ่งเน้นที่ “#การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและการเล่นดนตรีอย่างมีความสุข” จะดีกว่า
Comments