top of page

การฝึกซ้อมแบบ "𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲" สำหรับการพัฒนาทักษะกลองขั้นสูง 🥁 🤗

Writer's picture: Dr.Kasem THipayametrakulDr.Kasem THipayametrakul

การพัฒนาทักษะทางดนตรีสำหรับมือกลองไม่เพียงแค่การฝึกฝนบ่อยครั้ง แต่ต้องใช้กระบวนการฝึกที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นเพื่อปรับปรุงทักษะที่เฉพาะเจาะจงและบรรลุผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด กระบวนการนี้เรียกว่า 𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲 ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาทักษะที่มีความยากและซับซ้อน เช่น การเล่นกลองขั้นสูง



ในบทความนี้เราจะพิจารณาถึงองค์ประกอบสำคัญและวิธีการใช้ 𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲 ในการพัฒนาทักษะการเล่นกลองขั้นสูง





การฝึกซ้อมที่มีความตั้งใจ (𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲) แตกต่างจากการฝึกซ้อมทั่วไปตรงที่มันเป็นการฝึกที่มีเป้าหมายชัดเจน มุ่งเน้นการปรับปรุงจุดอ่อนที่จำเป็นต้องพัฒนาในด้านทักษะของนักดนตรี โดยการฝึกซ้อมในลักษณะนี้ต้องการความมุ่งมั่นอย่างสูง และต้องมีความสามารถในการประเมินผลการฝึกซ้อมอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดการพัฒนา





  #การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน: มือกลองต้องตั้งเป้าหมายเฉพาะที่ต้องการพัฒนา เช่น การควบคุมการตีท่ามกลางจังหวะที่ซับซ้อน หรือการปรับปรุงไดนามิกในการตีโน้ต



  #การฝึกซ้อมในจุดที่อ่อนแอ: แทนที่จะฝึกสิ่งที่ทำได้ดีแล้ว มือกลองต้องมุ่งเน้นการฝึกในสิ่งที่ยังทำได้ไม่ดีหรือทักษะที่ยังไม่แข็งแกร่ง



  #การรับข้อเสนอแนะ: การฝึกซ้อมที่มีความตั้งใจจะต้องได้รับการประเมินและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือนักดนตรีที่มีประสบการณ์ เพื่อปรับปรุงจุดที่ยังขาดอยู่



  #การทำซ้ำและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง: การฝึกซ้อมแบบ 𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲 ต้องทำซ้ำๆ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม และไม่ต้องการการฝึกซ้อมที่มากเกินไปในแต่ละวัน แต่ควรให้ความสำคัญกับความเข้มข้นและประสิทธิภาพของการฝึก





ในการพัฒนาทักษะกลองขั้นสูง การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้การฝึกซ้อมมีทิศทางและเป็นระบบ ตัวอย่างของเป้าหมายที่นักกลองสามารถตั้งได้ ได้แก่:



  #การฝึกทักษะการประสานมือและเท้า: การตั้งเป้าหมายในการฝึกให้มือและเท้าทำงานในจังหวะที่แตกต่างกัน เช่น การตี 𝗦𝗻𝗮𝗿𝗲 พร้อมกับ 𝗞𝗶𝗰𝗸 𝗗𝗿𝘂𝗺 หรือการใช้เท้าและมือทำงานร่วมกันในลำดับที่ซับซ้อน



  #การฝึกจังหวะที่ซับซ้อน: การตั้งเป้าหมายเพื่อฝึกการเล่นใน 𝗧𝗶𝗺𝗲 𝗦𝗶𝗴𝗻𝗮𝘁𝘂𝗿𝗲 ที่แปลกหรือยาก เช่น 𝟳/𝟴 หรือ 𝟱/𝟰 เพื่อพัฒนาความสามารถในการปรับตัวและเข้าใจจังหวะที่ไม่เป็นมาตรฐาน



  #การพัฒนาไดนามิก: การตั้งเป้าหมายเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมความแรงเบาของการตีโน้ต เช่น การตีด้วยความหนักแน่นหรือความนุ่มนวลในจังหวะที่แตกต่างกัน





การฝึกซ้อมในแบบ 𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲 ต้องการการโฟกัสที่ลึกซึ้งและความพยายามในการฝึกแต่ละทักษะอย่างเต็มที่ มือกลองไม่ควรฝึกซ้อมแบบคลุมเครือหรือฝึกซ้อมในสิ่งที่ทำได้ดีแล้ว แต่ควรมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงสิ่งที่ยังอ่อนแอ เช่น การฝึกซ้อมกับจังหวะที่เร็วขึ้นหรือการฝึกซ้อมกับลูปที่ซับซ้อน



  #การฝึกช้า (𝗦𝗹𝗼𝘄 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲): มือกลองจะต้องฝึกในอัตราความเร็วที่ช้าก่อน เพื่อให้สามารถควบคุมท่าทางและจังหวะได้ดี เมื่อทำได้ดีแล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการรีบร้อนในการฝึก



  #การใช้เทคนิคที่หลากหลาย: การใช้เทคนิคที่ต่างกัน เช่น 𝗔𝗹𝘁𝗲𝗿𝗻𝗮𝘁𝗶𝗻𝗴 𝗦𝘁𝗶𝗰𝗸𝗶𝗻𝗴, 𝗣𝗮𝗿𝗮𝗱𝗶𝗱𝗱𝗹𝗲, 𝗙𝗹𝗮𝗺, หรือ 𝗥𝘂𝗱𝗶𝗺𝗲𝗻𝘁𝘀 ช่วยให้การฝึกซ้อมมีความหลากหลายและสามารถพัฒนาความสามารถในการควบคุมมือและเท้าได้ดีขึ้น



  #การใช้เทคโนโลยี: ใช้เครื่องมืออย่าง 𝗠𝗲𝘁𝗿𝗼𝗻𝗼𝗺𝗲, 𝗟𝗼𝗼𝗽𝗲𝗿𝘀, หรือ 𝗥𝗲𝗰𝗼𝗿𝗱𝗶𝗻𝗴 𝗗𝗲𝘃𝗶𝗰𝗲𝘀 เพื่อฟังและประเมินการเล่นของตัวเองได้ทันที ซึ่งช่วยให้สามารถมองเห็นข้อผิดพลาดและปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว





การได้รับข้อเสนอแนะจากผู้ที่มีประสบการณ์ในวงการดนตรีเป็นสิ่งสำคัญมากในกระบวนการ 𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲 การฝึกซ้อมจะไม่สมบูรณ์หากขาดการประเมินผลที่เป็นธรรมและละเอียด มือกลองสามารถบันทึกการฝึกซ้อมหรือการแสดงสดเพื่อให้เห็นภาพรวมของการเล่น และสามารถวิเคราะห์ได้ว่าในจุดไหนที่ควรพัฒนา



  #การใช้การบันทึกเสียง: บันทึกการฝึกซ้อมเพื่อให้สามารถย้อนฟังและประเมินผลการเล่นได้



  #การรับคำแนะนำจากโค้ช: การทำงานร่วมกับโค้ชหรือผู้ที่มีประสบการณ์เพื่อรับคำแนะนำและปรับปรุงสิ่งที่ยังไม่สมบูรณ์



  #การฟังจากผู้ฟัง: การให้ผู้คนรอบข้างหรือเพื่อนร่วมวงฟังการแสดงและให้ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาในการฝึกซ้อม





การฝึกซ้อมเดี่ยวที่มีความตั้งใจควรทำควบคู่ไปกับการฝึกซ้อมในกลุ่มหรือวงดนตรี เพราะการเล่นในบริบทของวงดนตรีทำให้สามารถปรับตัวในสถานการณ์จริงได้ดีขึ้น



  #การฝึกซ้อมแบบเดี่ยว: ช่วยให้สามารถพัฒนาทักษะที่ต้องการให้ละเอียดและเฉพาะเจาะจง



  #การฝึกซ้อมในวง: ช่วยพัฒนาความสามารถในการฟังและการตอบสนองต่อเสียงอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในวง



การผสมผสานทั้งสองรูปแบบนี้สามารถช่วยพัฒนาทักษะการเล่นกลองได้อย่างรอบด้าน ทั้งในเชิงเทคนิคและในเชิงการทำงานร่วมกับผู้อื่น





มือกลองต้องคอยติดตามผลการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องและยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนวิธีการฝึกเพื่อให้สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างการปรับเปลี่ยนได้แก่:



  #ปรับความยากของการฝึก: เมื่อทักษะพื้นฐานมีความแข็งแรงมากขึ้น มือกลองสามารถเพิ่มความซับซ้อนของการฝึก เช่น การเล่นจังหวะที่เร็วขึ้น หรือเพิ่มลูปที่ซับซ้อน



  #ทำการทบทวน: การกลับไปทบทวนทักษะพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอสามารถช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับการเล่นขั้นสูงได้



  #การทำให้การฝึกมีความหลากหลาย: การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการฝึก เช่น การฝึกกับนักดนตรีคนอื่นๆ หรือการฝึกกับโปรแกรมดนตรีที่หลากหลาย



ดังนั้น การฝึกซ้อมแบบ 𝗗𝗲𝗹𝗶𝗯𝗲𝗿𝗮𝘁𝗲 𝗣𝗿𝗮𝗰𝘁𝗶𝗰𝗲 เป็นแนวทางที่สำคัญในการพัฒนาทักษะการเล่นกลองขั้นสูง การฝึกซ้อมในลักษณะนี้จะเน้นไปที่การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน, การฝึกซ้อมในจุดที่อ่อนแอ, การใช้เทคนิคที่หลากหลาย, การรับข้อเสนอแนะ, และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การมีความตั้งใจและการฝึกอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถพัฒนาทักษะที่ซับซ้อนของการเล่นกลองได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ  



อ้างอิง : 𝙀𝙧𝙞𝙘𝙨𝙨𝙤𝙣, 𝙆. 𝘼., 𝙆𝙧𝙖𝙢𝙥𝙚, 𝙍. 𝙏., & 𝙏𝙚𝙨𝙘𝙝-𝙍𝙤̈𝙢𝙚𝙧, 𝘾. (𝟭𝟵𝟵𝟯).


𝙏𝙝𝙚 𝙍𝙤𝙡𝙚 𝙤𝙛 𝘿𝙚𝙡𝙞𝙗𝙚𝙧𝙖𝙩𝙚 𝙋𝙧𝙖𝙘𝙩𝙞𝙘𝙚 𝙞𝙣 𝙩𝙝𝙚 𝘼𝙘𝙦𝙪𝙞𝙨𝙞𝙩𝙞𝙤𝙣 𝙤𝙛 𝙀𝙭𝙥𝙚𝙧𝙩 𝙋𝙚𝙧𝙛𝙤𝙧𝙢𝙖𝙣𝙘𝙚.

0 views0 comments

Comments


bottom of page